จากเหตุกาณ์ เรือ ป.อันดามัน 2 ทะเบียนเรือ 449201184 ขนาด 325 ตันกรอส ประเภทการใช้บรรทุกน้ำมันเพื่อการประมง (น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันเบา สามารถระเหยและสลายตัวได้เร็ว) เจ้าของเรือชื่อ บริษัท ไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมง จำกัด อับปางลงกลางอ่าวไทย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 19.15 น. พิกัด ละติจูด 10 องศา 36.06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 99 องศา 38.35 ลิปดา ตะวันออก ระยะ 24.171 ไมล์จากปากน้ำชุมพร โดยกรมเจ้าท่าได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการกู้เรือและขจัดมลพิษน้ำมัน เพื่อประเมินสถานการณ์ วางแผนการกู้เรือ และป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม กำหนดยุทธวิธีป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน
กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ผู้ควบคุมเรือ เจ้าของเรือ หรือผู้ประกอบกิจการเดินเรือ ระมัดระวังในการเดินเรือ บริเวณอ่าวไทย จังหวัดชุมพร ละติจูด 10 องศา 36.06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 99 องศา 38.35 ลิปดา ตะวันออก และออกคำสั่งห้ามใช้เรือ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และออกคำสั่งให้เจ้าของเรือลำดังกล่าว เร่งดำเนินการกู้เรือ พร้อมจัดหาทุ่นกักเก็บน้ำมัน (Boom) และน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Dispersant) เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ตามมาตรการและแผนการดำเนินการป้องกันเหตุ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพเรือ จังหวัดชุมพร กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ติดตามเฝ้าระวังคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือ ส่งยานสำรวจใต้น้ำ พบว่าสภาพตัวเรือไม่ได้รับผลกระทบต่อแรงดันใต้น้ำ ในส่วนของคราบน้ำมันประเมินจากภาพถ่ายของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA การบินสำรวจโดยอากาศยานของกองทัพเรือ และการตรวจการณ์ทางทะเลด้วยเรือหลวงสงขลาและเรือหลวงบางระจัน ของกองทัพเรือ สำรวจบริเวณจุดพื้นที่เรืออับปางพบเพียงคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ๆ สามารถระเหยและสลายตัวได้เอง
สำหรับแผนการกู้เรือ บริษัท พี.เค.มารีน ได้นำเรือบาสเครน พีเคมารีน 101 และเรือลากจูง พีเคมารีน11 ติดตั้งอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมตามแผนการกู้เรือ โดยให้นักประดาน้ำสำรวจ ตรวจสอบตัวเรือ อุปกรณ์ และประเมินสถานการณ์ ซึ่งจากการสำรวจ พบว่าเรืออยู่ในลักษณะนอนตะแคงข้างกราบขวา กราบซ้ายตั้งขึ้น ซึ่งต้องนำเรือเครนเข้ายึดติดกับตัวเรือที่จม เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัว จากนั้นทำการเช็คฝาปิดวาล์ว อุดรอยรั่วของถังทุกจุด และทำการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อทำการดูดน้ำมัน รวมถึงช่องระบายอากาศและจะเริ่มทำการดูดน้ำมันทีละถัง โดยเตรียมอุปกรณ์เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ได้แก่ ทุ่นกักเก็บน้ำมัน (Boom) น้ำยาขจัดคราบ (Dispersant )
ทั้งนี้ นายภูริพัฒน์ ธีรกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านปลอดภัย ได้กำชับภารกิจต้องดำเนินการด้วยความปลอดภัย รอบคอบและให้เป็นไปตามมาตรการแผนความปลอดภัย โดยจะต้องนำน้ำมันออกจากตัวเรือให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นจะทำการกู้ตัวเรือต่อไป ...พบเหตุไม่ปลอดภัยฯ แจ้งสายด่วนเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง
Comments