หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติส่งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์ หรือ พ.ร.บ. #สมรสเท่าเทียม ไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งระยะเวลา 60 วัน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้จัดประชุมออนไลน์เกี่ยวกับกฎหมายนี้ และได้เชิญ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ - Tunyawaj Kamolwongwat ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ริเริ่มร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ไปชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมถึงสาระสำคัญ และตอบคำถาม ข้อสงสัยข้อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ และกฤษฎีกาจะสรุปเพื่อไปนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
.

ในการประชุมครั้งนี้ มีการหารือว่าจะมีการนำ พ.ร.บ.คู่ชีวิต มายื่นประกบกับ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาพร้อมกัน แต่ ธัญวัจน์ ยืนยันว่า พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับนี้ ไม่มีความคล้ายคลึงกัน และไม่สามารถนำมายื่นประกบกันได้
.
ธัญวัจน์ ระบุว่า คำว่า ‘สมรส’ ไม่เท่ากับคำว่า ‘คู่ชีวิต’ สมรส คือการใช้ชีวิตคู่สมรสที่มีสิทธิ์ ศักดิ์ศรี และ สวัสดิการ เท่าเทียมทุกเพศ ภาษาอังกฤษ คือ Marriage ส่วน คู่ชีวิต คือนิยามการใช้ชีวิตคู่ที่อาจมีความสัมพันธ์ไม่นิยามแค่ความรักโรแมนติก ภาษาอังกฤษ คือ Civil Partnership และ สุดท้าย คำว่า ‘แต่งงาน’ คืองานที่ประกอบต่างความเชื่อหรือประเพณี หรือพิธีกรรมทางศาสนา ภาษาอังกฤษ คือ Wedding เป็นคนละเรื่องกัน มิใช่เรื่องเดียวกันกับการสมรส และร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม คือการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่การยกร่างพระราชบัญญัติ
.
“คู่ชีวิต และ สมรสเท่าเทียม เป็นคนละเรื่องกัน หากทางคณะรัฐมนตรีต้องมีร่างประกบเพื่อการพิจารณาก็ควรต้องใช้หลักการการสมรส ซึ่งก็อาจจะแตกต่างในรายละเอียด แต่ต้องเป็นหลักการเดียวกัน และแยกวาระการพิจารณา และการที่คณะรัฐมนตรีมีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต ก็ไม่ได้หมายความว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติผ่านหลักการสมรสเท่าเทียมไม่ได้ และหากคณะรัฐมนตรีมีมติไม่ผ่านร่างสมรสเท่าเทียม ก็เป็นสิ่งที่ต้องอธิบายต่อสังคมว่า เหตุใดจึงให้สิทธิที่เสมอภาคต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้” ธัญวัจน์ กล่าว
Comentários