top of page

ปราบเนื้อวัวเถื่อนลักลอบนำเข้า!คู่การส่งเสริมเกษตรกรไทยเลี้ยงโคขาย"สมศักดิ์-อนุชา"ดันภาคต่อโคล้านตัว

เกษตรปักหมุด​ พาเกษตรกรไทยเลี้ยงโค​ แม้มีต้นทุนต่ำ แต่มีโอกาสจับเงินล้าน อีกทั้งปูรากฐานทำให้ไทยเป็น​ "ฮาลาล​ ฮับ"

วันที่ 18 พ.ย.66 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจากการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเมื่อวานนี้ ร่วมกับกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามโครงการนำร่อง​การส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค​ ทำให้เห็นว่าการเลี้ยงโคมีต้นทุนถูกกว่าเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ​อื่นๆ​ เช่น​ ไก่​ หมู​ และต้นทุนการเลี้ยงมีเพียงหญ้าเท่านั้น​ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯยังได้ให้ความรู้กับเกษตรกรในการเลี้ยงโค ควบคู่กับการปลูกหญ้า​ เพื่อทดแทนการซื้ออาหารมาขุนวัว เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้แม้ว่าราคาขายอาจต่ำกว่าวัวขุน​ แต่ในระยะยาวเกษตรกรจะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของราคาวัวขุนที่พันแปร "โครงการนี้นายอนุชา ได้ขับเคลื่อนมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯแล้ว เพราะมองว่าจะทำให้ชาวบ้านได้จับเงินแสน​ เงินล้าน โดยวัว 1 ตัวสามารถขายได้ราคาตัวละ​ 25,000 บาท​ หากมี​ 50​ ตัวจะมีรายได้ได้ถึง​ 1,250,000 บาท​ วิธีการคือการเลี้ยงวัวเพศเมียที่ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ​ แต่เป็นแม่พันธุ์ที่ดี​ สามารถขยายพันธุ์​ทุกปี​ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่จะพัฒนาตนเองให้เจริญก้าวหน้า​ยิ่งขึ้น​ได้ เมื่อสถานภาพ​การเงินดี​ ก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น​" นางรัดเกล้ากล่าว นางรัดเกล้า​ ระบุว่าโครงการเลี้ยงโคยังมีความสอดคล้องและเสริมกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นครัวของโลกและเป็นศูนย์กลางของการผลิตอาหารฮาลาล​ หรือ​ ฮาลาล​ ฮับ​ (Halal Hub) ตามสถิติแล้วความต้องการบริโภคอาหารประเภทเนื้อวัวมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆตามประชากรชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก​ หากเกษตรกรชาวไทยหันมาทำเกษตรกรรมปศุสัตว์เลี้ยงโคเนื้อมากขึ้นความฝันที่จะเป็นครัวของโลกก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม สำหรับผู้ที่มีความสนใจร่วมโครงการฯ​ สามารถติดต่อ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่​ 1170


อนึ่ง เมื่อวันที่ 17 พย.ที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่ติดตามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พื้นที่ต้นแบบ จังหวัดสุโขทัย ระยะที่ 1


รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีฯ ติดตามโครงการเลี้ยงโคฯ พื้นที่ต้นแบบ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้ดำเนินงานมาครบ 1 ปีเศษ เพื่อสอบถามถึงผลการดำเนินงาน ปัญหา เพื่อหาทางแก้ไข โดยช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ผ่านกองทุนหมู่บ้านฯ จำนวน 1,000 ครัวเรือน มีลูกโค จำนวน 1,860 ตัว คิดเป็นร้อยละ 93 เป็นจำนวนที่ถือว่าประสบความสำเร็จ กองทุนหมู่บ้านฯ ทำหน้าที่เลี้ยงโคต้นน้ำ โดยที่รัฐบาลจะช่วยหาช่องทาง การส่งออกโคให้ได้ราคาที่เป็นธรรม ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีแนวนโยบายเจรจากับภาคเอกชน ด้านการเกษตรและปศุสัตว์ที่มีการลงทุนไปทั่วโลก เจรจาหาตลาดส่งออกกับประเทศจีนและประเทศซาอุดีอาระเบียซึ่งมีความต้องการในเรื่องของเนื้อสัตว์ปริมาณสูงมาก ซึ่งจะพลิกผันเพิ่มราคาปศุสัตว์ของประเทศไทยให้เป็นราคาที่ยุติธรรมสำหรับเกษตรกร


ในวันนี้​ โครงการเลี้ยงโคฯ ได้พิสูจน์​ผลสัมฤทธิ์​แล้ว ตัวแทนเกษตรกร​ ณ​ อำเภอศรีสำโรง​​ แบ่งปันเรื่องราวว่า​ ก่อนหน้านี้ปลูกข้าวอยู่​ 11​ ไร่แล้วติดอยู่ในวังวนของการขาดทุนและมีหนี้สิน​ แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการ​ฯ และหันมาทำด้านปศุสัตว์​เพิ่มขึ้น​ ตอนนี้มีโค​ 50​ ตัว​ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตย์​ 7​ ไร่​ มีรายได้ดี​ มีเงินหมุนเวียน​มาดูแลตนเองและครอบครัว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ จะนำความสำเร็จครั้งนี้​มาพัฒนาเป็นโมเดลเพื่อขยายผล เพื่อให้โครงการเลี้ยงโคฯ มีบทบาทช่วยให้เกษตรกรไทยหลุดพ้นจากความยากจนอย่างยั่งยืน​


“การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการฯที่ประสบความสำเร็จอย่างดีทั้งในแง่มูลค่าทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผ่านช่วงเวลามา 1 ปี ได้เงินทุนคืนโครงการแล้ว 37 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาโครงการ 5 ปี ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ มั่นใจว่า เห็นเป็นความสำเร็จ ทำได้จริง ซึ่งรัฐบาลจะทำหน้าที่ในการส่งเสริมผลักดันให้การเลี้ยงโคเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพทางเลือก ของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ โดยเชื่อมั่นว่าโครงการนี้ จะความมั่นคงให้เศรษฐกิจฐานราก ยกระดับความเป็นอยู่ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นางรัดเกล้า กล่าว


สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้ตรวจเยี่ยม รับฟังรายงานผลการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมพบปะและให้กำลังใจสมาชิก ทั้งหมด 4 จุด ดังนี้ จุดที่ 1 ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย จุดที่ 2 วัดศรีคีรีสุวรรณาราม หมู่ที่ 2 ต.คีรีมาศ อ.คีรีมาศ จุดที่ 3 กองทุนหมู่บ้านคลองปลายนา หมู่ที่ 10 ต.บ้านสวน อ.เมืองสุโขทัย จุดที่ 4 กองทุนหมู่บ้านชุมแสง หมู่ที่ 10 ต.เกาะตาเลี้ยง อ.ศรีสำโรง

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page