วันที่ 11 เมษายน 2567 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการเชื่อมโยงการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รองรับการเดินทางในช่วงเทศกาล ให้เพียงพอ รวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย พร้อมมี นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย
นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ขนส่ง จำกัด นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ และนายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และคณะผู้บริหารการรถไฟฯ ให้การต้อนรับ ณ บริเวณประตู 3 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ดูแลการเดินทางของพี่น้องประชาชน ให้ถึงจุดหมายในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างสวัสดิภาพ เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุให้ได้ตามเป้าหมาย คือ “อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์” อีกทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมบูรณาการการทำงานเข้าด้วยกัน ตามนโยบาย “Smart Seamless เชื่อมรถ ต่อราง สะดวกเดินทาง สร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์” เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐาน เพิ่มคุณภาพในการเดินทางแก่พี่น้องประชาชน
ด้านนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากนโยบายดังกล่าว การรถไฟฯ
ได้จัดแผนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมอบให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมความพร้อม เพิ่มตู้โดยสารจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถประจำทั้ง 214 ขบวนต่อวัน และเพิ่มขบวนรถเสริมพิเศษอีก 16 ขบวน ตลอดจนได้จัดเตรียมรถโดยสารสำหรับหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 40 คัน สามารถรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 คนต่อวัน ซึ่งมีจำนวนเพียงพอ ไม่เกิดปัญหาผู้โดยสารตกค้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การถไฟฯ ยังได้ร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด จัดรถ บขส.ให้ผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนา(ขาออก) ล่วงหน้าในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือและสายตะวันออก
ที่เดินทางระหว่างวันที่ 9 – 11 เมษายน 2567 เที่ยวเวลาตั้งแต่ 18.00 น. – 22.00 น. สามารถรอขึ้นรถ บขส.ได้ที่บริเวณประตู 2 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งมีความพร้อมทั้งสถานที่และมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ รถเข็นสัมภาระ ที่พักคอยผู้โดยสาร ร้านค้า เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางเชื่อมระหว่างรถไฟทางไกลและรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ในการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ
สำหรับบรรยากาศเดินทางของพี่น้องประชาชนทางรถไฟในช่วงเทศกาลสงการณ์ 2567 มีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวทางรถไฟล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2567
ที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด โดยตั้งแต่วันที่ 5 – 10 เมษายน 2567 มีผู้โดยสารเดินทาง
จำนวนทั้งสิ้น 443,045 คน เฉลี่ยวันละ 73,841 คน สำหรับเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด
คือ สายใต้ มีผู้โดยสารเดินทาง จำนวน 155,737 คน รองลงมา คือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 110,857 คน สายเหนือ 82,914 คน สายตะวันออก 59,054 คน สายมหาชัย 28,917 คน และสายแม่กลอง 5,566 คน
นายนิรุฒ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแล้ว การรถไฟฯ ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้โดยสาร โดยได้ร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนรถไฟ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ตรวจตราความเรียบร้อยบนขบวนรถ พร้อมแนะนำข้อปฏิบัติ
ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามนั่งหรือยืน บริเวณบันไดและข้อต่อของขบวนรถ
ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ยังได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ และพนักงานรักษาความปลอดภัยช่วยดูแลเพิ่มเติมอีกทาง พร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีให้ประกาศประชาสัมพันธ์เวลาขบวนรถโดยสารเข้า - ออก หรือขบวนรถล่าช้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้โดยสารทราบเวลาเดินทางล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การรถไฟฯ โดยฝ่ายช่างกล ยังได้จัดตั้งจุดตรวจการอีก 14 จุด ทั่วประเทศ สำหรับตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับให้ตรวจสอบความพร้อมของขบวนรถหลัก และจัดเตรียมขบวนรถสำรองตามจุดต่างๆ ทุกเส้นทาง เพื่อลดความล่าช้ากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนมีการจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ เฝ้าระวัง
ความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งในสถานีรถไฟและบนขบวนรถทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าวต่อว่า การรถไฟฯ ยังมีการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ส่วนท้องถิ่น จัดอาสาสมัครเฝ้าระวังทางผ่านเสมอระดับรถไฟ – รถยนต์ ที่มีความเสี่ยง หรือบริเวณที่เป็นชุมชนหนาแน่น เพื่อป้องกันเหตุทั้งทางถนนและทางรถไฟ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2567 จนสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ พร้อมกับได้นำระบบติดตามขบวนรถไฟ (TTS:Train Tracking System) ที่สามารถตรวจสอบเวลาและตำแหน่ง ขบวนรถทุกขบวนมาใช้ โดยระบบจะแสดงสถานะการเดินรถให้ทราบทันที ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารและผู้ที่มารอรับที่ปลายทาง สามารถวางแผนการเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ช่วยสร้างความมั่นใจในการเดินทางตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างปลอดภัย
ท้ายนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย มั่นใจว่าจากมาตรการดังกล่าว จะสามารถรองรับการเดินทางของประชาชน ผู้โดยสาร ให้กลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมกับได้รับความสะดวกสบาย แบบไร้รอยต่อ เป็นการยกระดับการขนส่งสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีการเดินทางของประชาชนต่อไป สำหรับผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทาง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
Comments