กฟผ. ร่วมเป็นพลังส่งต่อการดูแลสุขภาพคนไทยผ่านมูลนิธิกาญจนบารมีรวมมูลค่ากว่า 78 ล้านบาท พร้อมมุ่งสานต่อภารกิจแห่งความยั่งยืน เร่งเดินหน้าโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเขื่อน กฟผ. ควบคู่ศึกษาเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในโอกาสวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นวันคล้ายวันสถาปนา กฟผ. ครบรอบ 55 ปี ซึ่งในปีนี้ กฟผ. ขอร่วมเป็นพลังสำคัญส่งต่อการดูแลสุขภาพป้องกันโรคมะเร็งนรีเวชของสตรีไทยที่อยู่ในชนบทและด้อยโอกาส โดยสนับสนุนรถตรวจคัดกรองมะเร็งนรีเวชพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทุนสำหรับการออกหน่วยในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นระยะเวลา 5 ปี รวมมูลค่ากว่า 78 ล้านบาท
กฟผ. ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ไว้วางใจให้ กฟผ. ดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทย พร้อมสนับสนุนการเติบโตของ กฟผ. มาตลอด 55 ปี นับตั้งแต่กำลังผลิตเริ่มต้นเพียง 908 เมกะวัตต์ เมื่อครั้งก่อตั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม 2512จวบจนปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 49,571 เมกะวัตต์โดยเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 16,261 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 32.75 มีสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศความยาวรวมถึง 39,036 วงจร-กิโลเมตรจนกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด กฟผ. ยังสานต่อภารกิจแห่งความยั่งยืน เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ(Hydro-Floating Solar Hybrid) ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561 – 2580ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 (PDP2018 Rev.1)ในพื้นที่เขื่อนภูมิพลจ.ตาก และเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของภาคธุรกิจ ควบคู่กับการสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนากลไกการซื้อขายไฟฟ้าสีเขียว หรือ Utility Green Tariff (UGT) ซึ่งเป็นการให้บริการไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่งมอบพร้อมกับใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (REC) พร้อมทั้งพัฒนา UGT Platform สำหรับรองรับการบริหารจัดการ REC ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสเพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล รวมถึงพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความผันผวนสูง อาทิ ศูนย์การพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast Center) ซึ่งสามารถพยากรณ์กำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP)จำนวน 29 แห่ง ที่เชื่อมต่อกับระบบของ กฟผ. และมีแผนขยายศักยภาพให้ครอบคลุมโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP)ที่มีกำลังผลิตตามสัญญาไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป พัฒนาศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center) เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าที่สมัครใจในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเพื่อสร้างความสมดุลให้ระบบไฟฟ้า และเตรียมพร้อมต่อยอดสู่โรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) ในการบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กฟผ. ได้ปิดการซื้อขายหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 บ้านหนองแฟบ จ.ระยอง (โครงการ LMPT2) กับบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขยายขีดความสามารถในการนำเข้าและบริหารจัดการ LNG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศ
การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง กฟผ. ได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงระยอง 4 รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และสถานีไฟฟ้าแรงสูงลำพูน 3 รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวในพื้นที่เชียงใหม่และลำพูน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ รวมถึงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ อ่อนนุช – บางพลี วงจรคู่ เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
ด้านการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน กฟผ. ได้เร่งขยายการให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA แล้วกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเตรียมเปิดให้บริการสถานีชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในภาคขนส่งแก่ประชาชนทั่วไปในช่วงกลางปีนี้ โดยนำร่องแห่งแรกที่สถานีชาร์จ EleX by EGAT กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำปาง ควบคู่การให้บริการออกแบบและติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (one-stop service) นอกจากนี้ กฟผ. มุ่งเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานภาคประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบ 5 ดาว พร้อมมอบสิทธิ์ส่วนลดสำหรับซื้อตู้เย็นเบอร์ 5 แบบ 5 ดาว จำนวน 5,555 สิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 30 ก.ย. 67 ณ ห้างสรรพสินค้าโฮมโปร เมกาโฮม ไทวัสดุบีเอ็นบีโฮม เพาเวอร์บาย เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม สยามพารากอน โกลบอลเฮ้าส์ ดูโฮม ฮาร์ดแวร์เฮาส์ และร้านสหกรณ์ กฟผ. พร้อมชวนคนไทยร่วมดาวน์โหลด LINE Sticker ชุดใหม่”Mission Possible by ENGY”ปฏิบัติการ (ไม่) ลับกับ ENGY ครบรอบ 55 ปี กฟผ. ส่งต่อความสุขที่ยั่งยืน เพียงคลิก https://line.me/S/sticker/31088หรือเพิ่มเพื่อนกับ กฟผ. ทาง LINE Official ที่@egat ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 29 ก.ค. 67
“กฟผ. ขอให้คนไทยเชื่อมั่นว่า เราจะไม่หยุดพัฒนาและมุ่งมั่นดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศอย่างเต็มความสามารถ พร้อมรองรับทุกการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างความเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ กฟผ. เป็นองค์การแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยตลอดไป” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวทิ้งท้าย
Comentários