Technology
หนึ่งในภารกิจการการสร้าง Telecoms-tech company ระหว่างกลุ่มเทเลนอร์และเครือเจริญโภคภัณฑ์คือ การตั้งกองทุน Venture Capital (VC) ขนาด 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีและในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพของไทยให้แข็งแกร่งและสนับสนุนสู่การสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับภูมิภาค อีกทั้ง บริษัทใหม่จะนำเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญของเทเลนอร์ทั้งในกลุ่มภูมิภาคนอร์ดิกและเอเชียสู่บริษัทใหม่นี้ พร้อมทั้งความเชี่ยวชาญและเครือข่ายธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์
นายซิคเว่ เบรคเก้, President and Chief Executive Officer (CEO) เทเลนอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “Venture Capital ใหม่นี้จะมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้เล่นหลัก ที่จะผลักดันเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนและสนับสนุนภาครัฐผลักดันนโยบายประเทศไทย 4.0 ด้วยการสร้างนวัตกรรมและรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี ซี่งคาดว่าจะสามารถสร้างการจ้างงานที่แข็งแกร่ง การสร้างทักษะงานดิจิทัลใหม่ๆ ถึง 250 – 2,000 ตำแหน่ง* ด้วยความสามารถในการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นของเราในการลงทุนในสตาร์ทอัพในไทยสามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย”
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทุน Venture Capital Funding จำนวน 200 ล้านเหรียญ เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประเทศ สามารถที่จะดึงนักลงทุนและกองทุนอื่นๆ มาร่วมได้ ซึ่งหมายความว่าเราตั้งไว้ 200 ล้านเหรียญ แต่เราสามารถดึง Fund อื่นๆ จากทั่วโลกมาร่วมได้ไปถึง 800 ไปถึง 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งตรงนี้มีความเป็นไปได้ ขอให้เรามีความมั่นใจในประเทศของเราก่อน อีกทั้งวันนี้ Capital Gain Tax ก็ผ่านแล้ว ทำให้เรามี Capital Gain Tax การลงทุนใน Tech Startup เทียบเท่ากับสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ทำให้เราแข่งขันได้ ดังนั้นเราน่าจะสามารถดึงดูดการลงทุน และร่วมกันขับเคลื่อน Tech Startup ในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับโลกได้ ซึ่งการควบรวม ทรู และ ดีแทค ในลักษณะ Equal Partnership แบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อให้สามารถรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการมองหาโอกาสที่จะได้รวมพลัง ผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 2 องค์กร เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศ และขับเคลื่อนบริษัทเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ไปด้วยกัน อันจะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้เกิดกับผู้บริโภค ประชาชน และภาคธุรกิจอื่นๆ ที่จะร่วมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศต่อไป”
เมื่อฉายภาพภูมิทัศน์การลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน ก็พบว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซียและสิงคโปร์ ต่างให้ความสำคัญกับการสร้างระบบสตาร์ทอัพสุขภาพที่ดี ในปี 2564 การลงทุนสูงสุดในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีประมาณ 14,200 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ประเทศไทยกลับตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นอันดับที่ 11 ของภูมิภาค มีส่วนแบ่งของประเทศไทยอยู่ที่ 3% โดยยูนิคอร์น 3 รายมาจากไทย คือ Bitkub, Ascend และ Flash Express จากยูนิคอร์นทั้งหมด 49 รายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มเทเลนอร์และเครือเจริญโภคภัณฑ์จะจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำปรึกษาเพื่อโค้ชและเชื่อมต่อผู้เริ่มต้นสู่ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ และเครือข่ายระดับภูมิภาค รวมทั้งระดับโลก Venture Capital Fund (VCF) ยังตั้งเป้าที่จะสร้างเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมผ่านผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ และมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการสร้างสิทธิบัตรใหม่อย่างน้อย 30 – 70 ฉบับ นอกจากนี้ VCF ยังตั้งเป้าที่จะสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อภาคการเกษตร การดูแลสุขภาพ และการศึกษา นอกจากนี้ VCF ยังสามารถเชื่อมต่อสตาร์ทอัพจากต่างประเทศเพื่อย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย ในการกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีล้ำสมัย เทคโนโลยีอวกาศ ปัญญาประดิษฐ์ และแม้แต่ Metaverse
กองทุน Venture Capital มุ่งสู่แข่งขันกับกองทุนร่วมลงทุนขนาดใหญ่อื่นๆ ในภูมิภาคที่มีเป้าหมายและมูลค่าใกล้เคียงกัน ดังนี้
Asia GreenTech Fund เป็น Venture Capital สัญชาติมาเลเซีย ที่มีเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกัน และเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีและพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green technology and green energy) เช่น เทคโนโลยีเกษตรกรรม (agritech) การรีไซเคิล และพลังงานทดแทน
Golden Gate Ventures เป็น Venture Capital ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีการแพทย์ (healthtech) โลจิสติกส์ และเทคโนโลยีการเงิน (fintech)
Jungle Ventures เป็น Venture Capital สัญชาติสิงคโปร์ที่เน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค รวมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่จำกัดขนาดของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนว่าเล็กเพียงใด
ที่มา: Asia GreenTech Fund, Golden Gate Ventures, Jungle Ventures
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ค้าเมื่อรวมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะผลักดันให้เกิด “ทศวรรษแห่งดิจิทัล” สู่ภูมิภาคนี้
ธุรกิจสตาร์ทอัพดิจิทัลจะเป็นปัจจัยหลักสำหรับประเทศไทย โดยกลุ่มเทเลนอร์และเครือเจริญโภคภัณฑ์พร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของไทยในการเป็นประเทศเศรษฐกิจดิจิทัล
Telenor and CP commit THB 7.3 billion to support Thai promising start-ups, to benefit Thai consumers
Telenor Group and CP Group will raise up to 200 million USD or 7.3 billion baht to support startups to promote innovative technologies. It includes a new VC fund to identify best ideas from Thai startups, supporting them to become successful at regional, national and international levels. Promising Thai start-ups will have access to technology and expertise from Telenor’s business in Nordic and Asian countries as well as from CP’s related businesses.
Mr. Sigve Brekke, President and Chief Executive Officer (CEO) of Telenor Group said: “the new company will play an important role to drive Thailand’s digital economy and society, so that Thailand will be able to compete sustainably while helping to achieve the government’s goals for “Thailand 4.0”. With this added focus on nurturing innovative companies and supporting tech startup entrepreneurs, it is estimated that the venture fund can create between 250-2000 potential new jobs*. Given venture investments’ ability to bring about greater economic growth and stronger employment, our commitment to invest in Thai start-ups can bring about significant benefits for the Thai economy”.
Mr Suphachai Chearavanont, Chief Executive Officer of CP Group and Chairman of the Board of True Corporation added: “the Venture Capital Fund worth US$200 million is only the starting point to build confidence in Thailand among the investors and other fundings. Although we originally set the funding at US$ 200 million, it will most likely attract additional fundings from worldwide, which can lead up to US$ 800-1,000 million in total. We all must have confidence in the potential of our country. Today, the 0% Capital Gains Tax has already been approved by the government. As a result, Thailand now has a similar tax incentive to that of Singapore, Malaysia, Vietnam and Indonesia in order to attract foreign investors into Thai startups. The tax incentive gives the country a competitive edge and accelerates the birth of world-class tech startups domestically. In the end, establishing a new tech company by True and dtac under “Equal Partnership” is not only a response to the global technological changes, but also an opportunity to combine strengths from both organizations to drive this new company forward and create an eco-system for innovation. The new company will provide increased values for both consumers and all stakeholders for further benefits of the country”.
Telenor and CP will provide funds to support startups, plus have experts and mentors to coach and connect founders to startup ecosystem and regional and global networks. The VCF also aims to create innovative technology through new products and services, and aims to support the creation of at least 30 – 70 new patents. The VCF plans to support innovative technology in targeted sectors including agriculture, healthcare and education. The VCF could also reach out to foreign start-ups to relocate to Thailand while stimulating investment in new tech frontiers, such as deep and advanced tech, space, artificial intelligence and even the metaverse.
Based on studies on the impact of venture investments’ on GDP in the UK, estimates suggest that venture investments can contribute up to 4.5 times that of the original investments to GDP. Employment at VC-based companies have also shown to grow 2.8 times more than non-VC-backed companies. Venture investments is also known to results in greater innovation, such as measured by the number of patents yielded.
In Southeast Asia, continued shifts in consumer and merchant behavior, matched with strong investor confidence, have ushered the region into its “Digital Decade” – the region is well on its way towards 1 trillion USD in gross merchandise value, which measures the value of e-commerce, by 2030.
Thailand has a huge potential to be a digital champion in the region and harness the perfect storm. Thais are digital natives. 9 out of 10 Thais have made an internet purchase, and this trend will only continue. Thailand had the highest proportion of new digital consumers coming online in 2021, compared to other Southeast Asian nations. The extraordinary shift in consumer behavior has also led to the rise of the digital merchant in Thailand. A Bain, Google and Temasek report expects Thailand’s internet economy to triple in value to $57 billion by 2025. The government is also playing its part as an enabler.
Digital start-ups will play an important role for Thailand. Telenor Group and CP Group are ready to go further to support the development of a vibrant Thai start-up ecosystem, leveraging Thailand’s strong foundation as a digital economy.
Commenti