top of page

เอ็กโก กรุ๊ป จัดทัพรุกลงทุนช่วงครึ่งหลังปี 2023ปรับเป้าปักหมุดNet Zeroปี2050

เร่งเครื่องสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

พลังงาน-Net Zero


บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป รุกขยายการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน สร้าง Quick Win ด้านรายได้และเสริมความแข็งแกร่งในระยะสั้น ควบคู่กับการวางรากฐานในธุรกิจซัพพลายเชนไฮโดรเจน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะกลางถึงระยะยาว พร้อมประกาศปรับเป้าหมายใหม่คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 มุ่งเร่งเครื่องสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง โดยการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทจะขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ระยะสั้น “4S” ที่เน้นการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูง (Select high quality projects) ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) อย่างก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อรับรู้รายได้ทันที โดยมีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว

สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว เอ็กโก กรุ๊ป ได้วางแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตอย่างซัพพลายเชนไฮโดรเจน ที่มีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว โดยเอ็กโก กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลายแห่งเพื่อศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และความเป็นไปได้ในการลงทุน เช่น การพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซไฮโดรเจนสำหรับการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยคาร์บอน การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับซัพพลายเชนไฮโดรเจน ตลอดจนการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากโรงไฟฟ้าโบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม ของเอ็กโก กรุ๊ป ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมกรีนไฮโดรเจน เป็นต้น

ด้านการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ปรับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทชั้นนำของโลก โดยขยับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 ปี เป็น 2040 และเพิ่มเป้าหมายใหม่ คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้าและพลังงานใหม่ ๆ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของเอ็กโก กรุ๊ป ให้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานในระดับสากล รวมถึงความต้องการไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด

การลงทุนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งสู่การบรรลุ Net Zero 2050 ได้ตามแผน คือ การลงทุนในเอเพ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพและช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เอ็กโก กรุ๊ป ในระยะยาว เนื่องจากเอเพ็กซ์จะช่วยเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยโมเดลการดำเนินงานในรูปแบบไฮบริด คือ การพัฒนาโครงการเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เอง และจำหน่ายโครงการออกไป โดยในปี 2023 เอเพ็กซ์ มีโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 294 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 657 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 2023-2025 แบ่งเป็น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ ในรัฐเท็กซัส โครงการพลังงานลม 1 โครงการ ในรัฐเมน และโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ ในรัฐเท็กซัส ในขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกจำนวนมากถึง 242 โครงการ กำลังผลิตรวม 53,767 เมกะวัตต์

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรสุทธิจำนวน 3,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในช่วงครึ่งปีแรก เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าและต้นทุนเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งความสามารถในการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน ดังเช่น โครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน ที่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างได้ตามแผนงาน โดยปัจจุบัน (ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2023) สามารถติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จจำนวน 39 ต้น และติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหัน (Wind Turbine Generators) ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว จำนวน 22 ต้น

“ผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป ในปี 2023 คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการรู้รายได้แบบเต็มปีของโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ใน สปป.ลาว รวมถึงการรับรู้รายได้แบบเต็มปีจากโรงไฟฟ้าไรเซ็ก ในสหรัฐอเมริกา และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน ที่สามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหันแล้วเสร็จ รวมทั้งโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 เป็นต้นไป ความก้าวหน้าในการดำเนินงานทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนพันธกิจหลักของบริษัทคือ การมุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน” นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป


EGCO Group plans investment in the second half of 2023 - New goal set to achieve Net Zero by 2050


Electricity Generating Public Company Limited or EGCO Group announced an investment plan for the second half of 2023, seeking opportunities in natural gas and renewable power plants to generate quick win and short-term strength. Simultaneously, hydrogen supply chain will be emphasized to boost mid-term and long-term growth. The company also announced a new goal of achieving Net Zero by 2050 to promote low carbon society.

Mr. Thepparat Theppitak, EGCO Group’s President, said that EGCO Group has been seeking new opportunities to continue its investment in power and energy-related businesses. In the second half of this year, the company will focus on generating quick income and strengthen its business under the “4S” short-term strategy. EGCO Group will carefully select high quality projects with focusing on merger and acquisition (M&A) of highly efficient conventional and renewable power plants to immediately recognize income. At the same time, the company will benefit from a strong network of partners in eight countries in which it has already been operating.

For mid- to long-term strategy, EGCO Group plans to focus its investment in future energy business, including hydrogen supply chain which supports the transformation from fossil fuel to green energy. EGCO Group has worked closely with many partners to study the feasibility of new technology and investment possibility. For example, it will study the development and utilization of hydrogen for eco-friendly power generation with lower carbon emission, the hydrogen supply chain related business, green hydrogen production from Boco Rock Wind Farm in New South Wales, Australia, which has high capability to generate green hydrogen.

Low carbon society initiative: The impact from Climate Change has become stronger. EGCO Group, therefore, adjusted its goals which are more challenging and sophisticated in order to address the rapidly changing situation today and to be in line with other world’s leading companies. As a result, the company aims to achieve the carbon neutral goal by 2040, which is 10 years ahead of the previously announced date of 2050. EGCO Group also announced a new goal of achieving Net Zero by 2050. The move confirms high potential in the new power generation technology. Meanwhile, this new goal will support EGCO Group’s operation and investment, which is in line with the international energy businesses and increasing power demand during the entire energy industry’s transition towards clean energy.

The major investment that will support the plan to achieve Net Zero by 2050. The plan includes an investment in APEX, a large-scale renewable energy power developer in the USA. It is a high potential investment that will support EGCO Group’s long-term growth. APEX will increase electricity generation from renewable energy sources. At the same time, the company will create new business opportunities through hybrid operations – development of projects that will be operated by the company and later sell the project. In 2023, APEX has two power plants that have already been commercially operated, which has a total capacity of 294MW. It has five projects under construction with combined capacity of 657MW, which will be gradually completed from 2023-2025. These include two solar farms in Texas, one wind farm in Maine, and two battery storage projects in Texas. There are over 242 other projects under development with combined capacity of 53,767MW.

Operating performance in the first six months: EGCO Group posted 3,482 million baht net profit, a 4% increase year on year. During this period, EGCO Group has efficiently maintained its power plant portfolio and fuel costs, especially for the large power plants in Thailand and overseas. This has enabled the company to generate more income from electricity sales. In addition, it was able to manage projects under construction to progress as planned. For example, Yunlin Offshore Wind Farm Project in Taiwan was able to achieve significant progress according to its development plan. As of now (25 August 2023), the project has already completed the installation of 39 monopiles and 22 wind turbine generators which have already transmitted power to the grid.

“EGCO Group expected to benefit from full-year income recognition at Nam Theun 1 Hydropower Plant in Lao PDR, RISEC Power Plant in the USA and Yunlin Offshore Wind Farm Project in Taiwan which has gradually started to transmit electricity to the grid once the wind turbine generators are completely installed. We will also recognize income from the Extension of Petroleum Pipeline System in Northeastern Project (TPN) which is expected to commence its commercial operation within Q3/2023. The progress of our operations will contribute to the company’s mission of ensuring continuous growth and generate added value to shareholders,” said Mr. Thepparat.

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page