top of page

โตสวนกระแส!ปี2564 ปตท.มีกำไรสุทธิ108,363 ล้าน สูงกว่าปีก่อนคิดเป็น 186.93%


ปตท.ประกาศผลการดำเนินงานปี 64 โดยปตท.และบริษัทย่อย มีกำไร 5% ของยอดขาย

บอร์ด ปตท. อนุมัติเงินปันผลประจำปี รวมเงินส่งรัฐปี 64 กว่า 82,500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างผลตอบแทนสู่ประเทศทุกมิติต่อเนื่อง


โดยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 เป็นจำนวน 2.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 57,126 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท นอกเหนือจากงบประมาณกิจการเพื่อสังคม ปตท. ในปีที่ผ่านมา อีกกว่า 1,646 ล้านบาท



ด้านผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยปี 2564 ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่รวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศกว่า 400 แห่ง (ถือหุ้นทางตรง 34 แห่ง และถือหุ้นทางอ้อม 404 แห่ง) มีกำไรสุทธิจำนวน 108,363 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของยอดขาย โดยหลักจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากความต้องการที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก รวมถึงการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้ สัดส่วนกำไร 31% มาจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. และ 69% มาจากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหากแบ่งตามประเภทธุรกิจ มีสัดส่วนมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. 31% ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 24% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 21% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 8% โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายน้ำมันเพียง 2%




นอกจากนั้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่ม ปตท. ยังช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนโดยชะลอการปรับราคาขายปลีกน้ำมันถึงแม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น ปตท. ได้ขยายระยะเวลาการคงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และราคาขายปลีก NGV ในโครงการ “เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน” สำหรับ ผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เคยรับสิทธิ์ผ่านเว็บเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ ปตท. ยังสนับสนุนส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565




ปตท. ยังสานต่อโครงการลมหายใจเดียวกัน สนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 ร่วมจัดตั้งหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรรวมประมาณ 1,900 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังดำเนินกิจการเพื่อสังคมในทุกมิติต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Restart Thailand จ้างนักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงาน ปี 2564 จำนวน 25,000 อัตรา และปี 2565 จำนวน 23,000 อัตรา โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ยกระดับการเกษตรควบคู่กับพัฒนาสินค้าชุมชนและช่องทางผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โครงการพัฒนาการศึกษาเยาวชน PTT Group School Model พัฒนาทักษะเยาวชน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนงบประมาณแก่ KVIS และ VISTEC ต่อเนื่อง โครงการร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อผู้ด้อยโอกาส (Café Amazon for Chance) เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้พิการทางการได้ยิน ผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ ผู้สูงวัย และผู้พิการทหารผ่านศึกและครอบครัว การจัดหากาแฟชุมชน โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง อีกทั้งยังช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย


“ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น เพื่อผลตอบแทนกลับคืนสู่เศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป” นายอรรถพล กล่าวเสริมในตอนท้าย


ปี 2564 ปตท.มีรายได้จากการขาย 2.25 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 643,153 ล้านบาท หรือ 39.8% จากปี 2563 ที่ 1.61 ล้านล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยหลักจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากปีก่อน


อนึ่ง เมื่อปี 2561 กลุ่มปตท.มีกำไรสุทธิ 119,647 ล้านบาท ปี2562 กำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท ปี2563 กำไรสุทธิ 37,766 ล้านบาท (สาเหตุที่กำไรในปี 2563 ปรับลดลงมาก เกิดจากสาเหตุหลักธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียมที่ผลการดําเนินงานปรับลดลงตามราคาขาย เฉลี่ยที่ลดลงนั้นเอง) แต่มาปีปี 2564 กำไรสุทธิ 108,363 ล้านบาท จะเห็นว่า มีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็น 186.93เปอร์เซนต์ เรียกว่าโตแบบสวนกระแสเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็เป็นทิศทางเดียวกับปี 2561-2562 ที่สามารถทำกำไร และรายได้สูงมาตลอดหลายปีติดต่อกัน


อย่างไรก็ตาม มีกิจกรรมและโครงการที่ธุรกิจกลุ่มนี้พยายามยื่นมือเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อคืนสังคม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้และกำไร ถือเป็นส่วนที่น้อยนิดเพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ ดังนั้น ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันและพลังงานสูงขึ้น จึงกลายเป็นเป้าถูกกระแสสังคมโจมตีตลอดมา แม้สื่อหลักๆทั้งโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ วิทยุและออนไลน์ จะถูกจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอย่างล้นเหลือ แต่ก็ยากจะทานกระแสสื่อโซเชียลในยุคเทคโนโลยีดิสรับชั่นได้!!!



コメント


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page