กระทรวงพาณิชย์ โดย นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะยกระดับการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมา ในปี 2556 EU ได้มีการใช้บังคับกฎระเบียบควบคุมสินค้าเครื่องสำอาง (EU Cosmetics Regulation) โดยกำหนดให้สินค้าเครื่องสำอางหรือส่วนผสมของเครื่องสำอางจะต้องผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อประเมินความปลอดภัยของสินค้า โดยห้ามใช้สารเคมีในการทดสอบในสัตว์และห้ามจำหน่ายเครื่องสำอางหรือส่วนผสมที่ได้ทดสอบกับสัตว์ในตลาด EU เป็นต้น โดยจะขยายขอบเขตไปทบทวนกฎระเบียบ ว่าด้วยการจำกัดการผลิต การจำหน่าย และการใช้สารเคมี เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย (Registration, Evaluation, Authorisation, and Restriction of Chemicals: REACH) ที่ยังคงมีการใช้สัตว์ในการทดสอบประเมินความเสี่ยงของสารเคมีที่มีผลต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ EU อยู่ระหว่างจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อกำหนดแนวทางทดสอบความปลอดภัยของสารเคมีโดยไม่มี/ลดการทดลองกับสัตว์ อีกทั้งจะสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อหาวิธีอื่นทดแทนการใช้สัตว์ทดลองต่อไป
ปัจจุบัน สำหรับประเทศไทย สินค้าเคมีภัณฑ์นำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าหลายชนิด จากข้อมูลสถิติการส่งออกสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ของไทย ในปี 2565 พบว่า ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ มูลค่า 2.91 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.44 จากมูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมา โดยในปี 2566 ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม – มิถุนายน) มีการส่งออกมูลค่าประมาณ 1.26 แสนล้านบาท เป็นการส่งออกไปยังประเทศสมาชิก EU มูลค่าประมาณ 4.80 พันล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์เป็นสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพสูงและมีโอกาสในการขยายตลาดต่อไป ทั้งนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหลายหน่วยงานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมประมง กรมปศุสัตว สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิชาการเกษตร กรมการอุตสาหกรรมทหาร รวมถึงกรมการค้าต่างประเทศ
นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าไทยจะส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์ไป EU อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า EU มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับเรื่องการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ โดยในอนาคต สินค้าที่จะส่งออกไปยัง EU จะต้องคำนึงถึงเรื่องดังกล่าวประกอบการส่งออกด้วย เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาด EU ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะติดตามความเคลื่อนไหวการปรับแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าวของ EU อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาปรับปรุงการผลิตและคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว
Comentarios