top of page

Poly Crisis เกิดวิกฤติเชิงซ้อน

“ได้เวลาเศรษฐาถอย? - 21 สิงหา วันเกิดอุ๊งอิ๊งค์”

การเมือง


นัยที่”ภูมิธรรม เวชชยชัย”แกนนำหลักพรรคเพื่อไทยที่รับโจทย์รับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกลไปจัดตั้งรัฐบาล ออกมายอมรับว่า “ไม่ง่าย และต้องทำบนพื้นฐานของ 3 วิกฤติคือ

-วิกฤติรัฐธรรมนูญ ที่บล์อคกลไก ที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก แม้พรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกตั้งมาแบบถล่มทลาย เพราะบทบาทแบบOver Roleของสว.ที่มากล้น ที่ผู้มีอำนาจในอดีตวางกลเกมไว้

-วิกฤติความขัดแย้งในสังคม ที่ถูกแบ่งฝักฝ่าย และเฉดสีกำกับมานาน และรวมถึงบทบาทใครบางคนที่มีชื่อในเรื่องราวมาสายลม แม้แลเห็นตัวตนแต่มีพลังทุกครั้ง และถูกนำไปแอบอ้าง ดังนั้น หากจะให้ปัญหาคามขัดแย้งทอดยาวออกไป นานเท่าไหร่ก็ไม่ก่อผลดี

-วิกฤติเศรษฐกิจ ที่ชาวบ้านรอฝ่ายการเมืองเร่งเข้าไปแก้ปัญหา ทั้งการผ่านงบประมาณรายจ่ายปี2567 เพื่อให้มีเม็ดเงินลงมาในระบบ การออกนโยบายเพื่อรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวนทั้งปัญหาเงินเฟ้อ-อัตราดอกเบี้ยของฝั่งสหรัฐอเมริกา และยุโรป และปัญหาการตกงานในจีน ทั้งหมดคือระเบิดเวบาและมีผลกระทบมายังประเทศไทยแบบหลีกไม่พ้น


ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ วิกฤติ และเมื่อเกิดมาพร้อมๆแบบซ้ำซ้อนจึงเป็น Poly Crisis วิกฤติซ้อนวิกฤติ ขึ้นในประเทศไทย จำต้องหาทางแก้ปัญหาทั้ง 3 ขาแบบเร่งด่วน โดยไม่มีวิกฤติซ้อนมาในภายหลัง


อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจ ในการฝ่าวิกฤติยอมต้องมีผลตามมาเสมอไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้วิกฤติความขัดแย้ง จะเรียกว่า สลายขั้ว สลายสีเสื้อ ผสมพันธุ์ใหม่ ช่วยสืบทอดอำนาจ หลอกใช้ศัตรูทำงาน ดึงศัตรูมาเป็นมิตร ฯลฯ จะชื่ออะไรถูกทุกข้อ เพราะมันเป็นวิธีการซึ่งอาจหลากหลาย แต่เป้าหมาย หรือOutcomeมีข้อเดียวคือ แก้วิกฤติความขัดแย้ง ซึ่งต้องมีต้นทุนที่ต้องยอมจ่ายกัน


ผลที่ตามมาทันที และสัมผัสได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ คือความนิยมลดต่ำลง เห็นได้ชัด ช่วงระหว่างวันที่ 13 กค- 21 กค.ความนิยมพรรคเพื่อไทย ที่ยังสนับสนุนพรรคอันดับ1 จากการเลือกตั้งความนิยมยังดี แต่หลังจาการแกนนำจับมือพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลเก่า และส่งสัญญาณถีบก้าวไกลอกจากสมการ ความนิยมลดลงในระดับ 100% บางราย 1,000% แตกต่างกัน เป็นตุ้นทุนที่มีค่าและคนมีส่วนร่วมตัดสินใจต้องยอมจ่าย


ขุนพลคนสำคัญบางรายถึงกับประกาศ “สงครามครั้งสุดท้ายของชีวิต”เพราะเป็นบทบาทที่เขาได้รับมอบหมายมา และทำมันอย่างทุ่มเท"


ยิ่งซ้ำรายแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”เศรษฐา ทวีสิน”เผชิญกับการเปิดโปงแบบซีรี่ของ”ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ที่เคยมีผลงานต่อต้านกัญชาเสรี-เอากัญชาทางการแพทย์เท่านั้น ดังนั้น ทั้งการเปิดแผลพิษกัญชา รถไฟฟ้าสายสีส้ม รัฐมนตรีมีนอมินีในบริษัทรับเหมา จนพรรคการเมืองบางพรรคที่ได้สส.เขต68 ที่นั่ง แต่ได้สส.บัญชีรายชื่อเพียง 3 ที่นั่ง เท่ากับพรรคตั้งใหม่ ที่ได้สส.33 ที่นั่งแต่ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสถึง 3 ที่นั่ง ซึ่งสส.ปาร์ตี้ลิส เป็นดัชนีวัดความนิยมของพรรคการเมือง ส่วนการได้มาของสส.เขตมีหลายปัจจัยประกอบ ทั้งกระแสบุคคลดี หรือกระสุนหนัก อยากได้คำตอบแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องถามนักรัฐศาสตร์ ให้เสียเวลา แต่ให้ถามป้าสี-ป้ามาในแต่ละพื้นที่จะรู้คำตอบดีที่สุด ตรงที่สุด


ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าว คือ โปรไฟล์ชูวิทย์ และเป็นต้นทุนที่สังคมมอบให้โดยดุษฎี และมีพลังเปรียบดังสายลม แม้แลไม่เห็นตัวตนแต่ก็ทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มลงได้!!!!


ดังนั้น สิ่งที่”เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเวลานี้เผชิญ คือ Poly Crisis วิกฤติเชิงซ้อน ที่ถูกเปิดแผลโดยชูวิทย์ ซึ่งเคยเปิดแผลพรรคการเมืองดังจนสะบักสะบอม หัวหน้าพรรค ต้องใช้บริการส้มตำร้านมลให้เหงื่อออกได้หายอาการเครียดมาหลายครั้งหลายคราว


ข้อมูลที่เปิดจะจริง หรือไม่จริง ไปพิสูจน์กันได้ที่ศาล แต่ที่มีผลกับแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยแล้วเวลานี้คือ ความนิยม อันเกิดจากความรัก และศรัทธาของบุคคลนั้นๆ

TiKtok แฟนคลับเศรษฐา ทวีสินกลับลดฮวบลงจาก ที่มียอดวิวหลักแสน เกือบแต่หลักล้าน และยอดLike จากหลักหลายหมื่น กลายมาเป็นหลักพันและหลักร้อยตามลำดับ นี้คือ ดัชชนี้ชีวัดควมนิยมชมชอบชัดเจน

ความนิยม เปรียบดังสายลม แม้สัมผัสไม่ได้ แต่มีพลัง!!!


ดังนั้น วันนี้ เศรษฐา ทวีสิน จะเดินหน้าท้าทายกับสายลม หรือ จะหลบไปสักระยะช่วยเหลือประเทศในบทบาทถนัด คือ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คู่กับ ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม ควบ มท.1 ไปก่อน ซึ่งคนหลังนี้ทำงานแบบอินในบท เรียกว่า จ้าง 5 แสดง 10 ยิ่งกว่าจา พนมเสียอีก แต่ทั้งหมดเขามองเป้าหมายสำคัญเหนือกว่าสิ่งใด ระหว่างทางจะมีด่า มีชม คนทำงานสังคม ชุมชนมานานและเขายึดหลักของท่าน ว.วชิรเมธี บอกว่า “คนทำงานสาธารณะ พึงตระหนักคำชม คำด่า มีค่าเท่ากัน”


ในสถานการณ์ Poly Crisis วิกฤติเชิงซ้อน เศรษฐา ทวีสิน ควรถอยในบทบาทนำ มาทำบทบาทเสริม จะตรงกับศักยภาพหรือไม่? เพราะโบราณบอก น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง สายลมแม้มองไม่มองไม่เห็นตัว แต่มีพลังทำให้ต้นไม้ใหญ่โค่นได้ อย่าท้าทายกับสายลม!!!


21 สิงหาคม 2566 วันนี้ เป็นวันสำคัญของ อุ๊งอิ๊งค์-นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนที่23 ซึ่งเป็นคนเดียวที่วางใจให้ประกาศเรื่องสำคัญ “ผมจะกลับวันไหนรอฟังอุ๊งอิ๊งบอก”

เธอเป็นอีกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย วันนี้เธอมีวัยครบ 37 ปี เต็ม คุณแม่ลูก2 อยู๋ในปลาย Gen-y ที่เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่ชอบแสวงหาโอกาส แม้จะเสี่ยงบ้าง

เลข 3 เป็นเลขมงคลของไทย ส่วนเลข 7 อ.ปอนางฟ้โหราจารย์ ทำนายว่า เป็นพลังดาวเสาร์ เป็นเลขของคนที่ทำงานแบบมุมานะ ขยัน อดทน แม้ต้องทำงานภายใต้ภาวะกดดันแต่ความมุ่งมั่น และไม่ย่อท้อจะทำให้เดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้!!!


ดังนั้น เลข 7 เป็นเลขของคนทำงานแบบอดทนภายใต้ภาวะกดดันที่มาหนุนหลังเลข 3 ซึ่งเป็นวิกฤติเชิงซ้อนของไทยอยู่เวลานี้ 3 วิกฤติ เศรษฐกิจ-สังคม-กฎหมาย !!!!


บทความพิเศษ โดย พิจิตรา

Comments


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page