“EGCO Group”กับบท“พยัคฆ์ติดปีก”บุกมะกันเพิ่มพอร์ตโรงไฟฟ้า
- Close Up Thailand
- 7 วันที่ผ่านมา
- ยาว 4 นาที
อัปเดตเมื่อ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
บนสมการ “เพราะที่นี้ คือ โอกาส!!!

สร้างความฮือฮาได้ทุกครั้ง เมื่อ EGCO Group ขยับตัวเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในสหรัฐ โดยถือหุ้นใน 4 กลุ่มหลัก ๆ ประกอบด้วย
1.กลุ่มโรงไฟฟ้า Linden Cogen 2.กลุ่มโรงไฟฟ้า Apex 3.กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass และ 4.กลุ่มโรงไฟฟ้า RISEC
ก่อนที่ต่อมากลุ่มที่ 4 (โรงไฟฟ้า RISEC) EGCO Group ได้เทขายหุ้นทั้งหมดออกไป !!!
เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Triple P” ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน (Portfolio Management) ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่สามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม2568 เข้าไปเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้า Linden Cogen ถึง 38% เพื่อเสริมความแข็งแกร่งการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ของ EGCO Group
โดยโรงไฟฟ้า Linden Cogen แห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) ขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังผลิต 980 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และมีบทบาทสำคัญในการให้บริการกับตลาดไฟฟ้าที่มีการเติบโตและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา รวมถึงนครนิวยอร์ก

Linden Cogen ประกอบด้วย โรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 1-5 กำลังผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าและให้บริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าแก่ระบบและโครงข่ายไฟฟ้าในรัฐนิวยอร์ก (NY-ISO Zone J) และโรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 6 กำลังผลิต 180 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าให้แก่ตลาดซื้อขายไฟฟ้า PJM PSEG ในรัฐนิวเจอร์ซีย์
ตลาดไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เป็นตลาดที่มีความต้องการไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าสำรองสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา!!!
ดังนั้น การลงทุนในครั้งนี้ จึงสะท้อนความมุ่งมั่น EGCO Group ในการเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในตลาดพลังงานสหรัฐอเมริกา และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของบริษัท
ตามไปดู
“พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้า” EGCO Group
วันนี้ EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมกว่า 6,735 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) จากโรงไฟฟ้าทั้งหมด 45 แห่ง ใน 7 ประเทศหลัก ประกอบด้วย ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา จากเดิม 8 ประเทศ ทว่าเมื่อได้ขายหุ้นทั้งหมดในสัดส่วน 100% ในบริษัท Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock กำลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย จึงเหลือ 7 ประเทศ ณ เวลานี้ (ตุลาคม2568)
ในจำนวนนี้ มีกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,535 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 23% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่
สอดคล้องตามกลยุทธ์ “Triple P” ของกลุ่มที่เน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแบบคู่ขนาน
“การลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้า Linden Cogen สะท้อนถึงการเสริมสร้างสถานะเชิงกลยุทธ์ของ EGCO Group ในตลาดพลังงานของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 924 เมกะวัตต์ โดยการลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวคาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้และความสามารถในการทำกำไรของ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง” ธวัชชัย สำราญวานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group มองสิ่งที่เกิดขึ้นว่า จะมีผลต่อกลุ่มในอนาคตอย่างไร?

สำหรับ “ธวัชชัย สำราญวานิช” เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568
โดยก่อนหน้านี้ เขาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ และทำหน้าที่โฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจไฟฟ้า โดยเฉพาะในเรื่องการวางแผนระบบไฟฟ้า ตลอดจนนวัตกรรมพลังงาน และ Smart Technology จัดเป็นมือดีด้านยุทธศาสตร์คนสำคัญ
และในอีกไม่นานนักคงได้ฟังวิสัยทัศน์แนวทางขับเคลื่อนองค์กรในบทบาทCEOว่าเป็นอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม พลันเมื่อรับตำแหน่งมาไม่นาน EGCO Group ก็เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโรงไฟฟ้า Linden Cogen เป็น 38% เหมือนกับการต้อนรับตำแหน่งใหม่พอดี และต้องไม่ลืมว่า Linden เป็นปฐมบทการลงทุนในสหรัฐของ EGCO Group เพราะเป็นกลุ่มที่ได้เข้าไปลงทุนใน Linden TopCo ตั้งแต่เมื่อปี 2564 เป็นการปักธงการลงทุนครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาของ EGCO Group การเพิ่มสัดส่วนครั้งนี้ จึงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น เพราะหากนับถึงวันนี้นาน 4 ปีเต็ม
“เมื่อสหรัฐ คือโอกาสใหม่ตลาดลงทุนพลังงาน”
บนสมการหลัก
“ความต้องการสูง-ราคาดี-อยู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน”
ถามว่า ทำไม EGCO Group สนใจตลาดพลังงานในสหรัฐ จนส่งผลทำให้รายได้วันนี้มาจากแหล่งนี้เกือบ 1 ใน 5 ของรายได้ทั้งกลุ่ม
หากอนุมาน หลักๆ น่าจะเกิดจาก 1.สหรัฐเป็นตลาดใหญ่ทั้งในเชิงประชากร และความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง 2.เป็นตลาดที่ราคาพลังงานค่อนข้างดีจากตัวเลข2หลักกลายเป็นตัวเลข 3 หลักในเวลารวดเร็ว 3. เป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย 4.เป็นตลาดที่อยู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานในประเทศ จึงเป็นโอกาสสำหรับการลงทุน และ 5. EGCO Group มีความถนัดในเรื่องการต่อยอดจากพันธมิตรเดิม
ดังนั้น ที่ปักหมุดไว้เมื่อ 4 ปีก่อน จึงเป็นทรัพยากรความสัมพันธ์ที่ทรงคุณค่า ในการนำมาต่อยอดพันธมิตรอย่างดี
เราลองตามไปเปิดพอร์ตโฟลิโอการลงทุนโรงไฟฟ้า ในตลาดพลังงานสหรัฐของ EGCO Group กันบ้าง!!!
เพราะต้องบอกว่า ไม่เพียงการถือหุ้นในโรงไฟฟ้า Linden Cogen 38% สดๆร้อนๆ เมื่อต้นเดือนตุลาคม2568
ก่อนหน้าเมื่อ 26 กันยายน 2568 EGCO Group ยังประสบความสำเร็จปิดดีลเข้าลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Wheatsborough Solar กำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งที่ 2 ของกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ที่ EGCO Group ถือหุ้นอยู่

สำหรับ Wheatsborough Solar เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตเอรี รัฐโอไฮโอ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 และดำเนินการภายใต้ตลาดซื้อขายไฟฟ้า PJM ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมการให้บริการใน 13 รัฐ รวมทั้งเขตโคลัมเบีย โรงไฟฟ้ามีสัญญาระยะยาวกับผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน เพื่อซื้อขายไฟฟ้าและใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสัญญาดังกล่าวช่วยรับประกันความมั่นคงของรายได้ระยะยาว
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าได้จัดหาอุปกรณ์หลัก พร้อมเงื่อนไขการรับประกันจากผู้ผลิตชั้นนำ รวมทั้งมีสัญญาการให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M) และสัญญาการให้บริการจัดการสินทรัพย์ระยะยาวกับ Apex ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้าน O&M
ดังนั้น การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า Wheatsborough Solar เป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของ EGCO Group ที่มีฐานธุรกิจในตลาดพลังงานของสหรัฐอเมริกา และเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด ภายในปี 2573
ดังนั้น พลังงานทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมจะบนบกและหรือนอกชายฝั่ง ล้วนอยู่บนสมการ “พลังงานหมุนเวียน “หรือ Renewable Energy ที่ EGCO Groupกำลังมองหา
สอดคล้อง สอดรับกับกลยุทธ์ “Triple P” ของ EGCO Group ที่มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
โดย EGCO Group เข้าลงทุนใน Apex ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ที่มุ่งเน้นตลาดพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2564 ด้วยการถือหุ้น 17.46% นอกจากการลงทุนใน Apex ในระดับองค์กรแล้ว Wheatsborough Solar ถือเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนลำดับที่ 2 ที่ EGCO Group เข้าลงทุนในโครงการที่พัฒนาโดย Apex (โครงการแรกคือ โครงการพลังงานลม Downeast Wind กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ ในรัฐเมน ซึ่งปิดดีลการลงทุนเมื่อเดือนมิถุนายน 2568) โดย Apex จะยังคงถือหุ้น 51% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll (ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้า Downeast Wind และ Wheatsborough Solar)

และหากย้อนไปเมื่อ 13 มิถุนายน 2568 EGCO Group ประสบความสำเร็จปิดดีลการเข้าลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Downeast Wind กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา โดยเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกจาก 2 โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ที่ EGCO Group ถือหุ้น และเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อ วันที่ 2 เมษายน 2568 การลงทุนในโรงไฟฟ้า Downeast Wind ล้วนช่วยสนับสนุนเป้าหมายของ EGCO Group ที่มุ่งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งสิ้น
โรงไฟฟ้า Downeast Wind ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐเมน ในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตพลังงานลมของภูมิภาคนี้ จึงสามารถจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับครัวเรือนมากกว่า 37,000 หลังคาเรือนต่อปี และมีส่วนสำคัญ ในการผลักดันเป้าหมายด้านพลังงานของรัฐเมนที่มุ่งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 80% ภายในปี 2573

“การลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle II สร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นให้แก่ EGCO Group พร้อมทั้งสนับสนุนการ ต่อยอดและขยายการลงทุนในตลาดพลังงานของสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ “Triple P” ของ EGCO Group ที่มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน กำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของโรงไฟฟ้า Downeast Wind จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะสั้นของ EGCO Group ที่มุ่งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปี2573” ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Groupในเวลานั้น แสดงความมั่นใจ
ดังนั้น จะเห็นว่า เป้าหมายในการก้าวสู่พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน และเป้าหมายการลดคาร์บอนนั้น ไม่ได้เกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่หากเกิดจาก 2 ฝ่ายที่มีเป้าตรงกัน ทั้งจากนักลงทุนต่างแดนอย่าง EGCO Group และความต้องการของท้องถิ่นนั้นๆ จึงทำจังหวะก้าวไร้แรงสะดุดทั้งปวง
กล่าวคือ Downeast Wind ได้ตอบโจทย์สนับสนุนเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 80% ภายในปี 2573 ของรัฐเมน
ขณะที่ Wheatsborough สามารถจ่ายไฟฟ้ารองรับความต้องการของภาคครัวเรือนมากกว่า 21,000 หลังคาเรือนต่อปี ตอบโจทย์การช่วยบรรเทาปัญหาระบบสายส่งแรงดันสูงในพื้นที่ไม่เพียงพอ ของรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาอีกด้วย
จะเห็นว่า “กลยุทธ์แบบก้าวทีละก้าว - แต่ไม่เคยหยุดนิ่ง” และมีธงชัดเจนขององค์กร ทำให้แม้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ก็ไม่ได้กระทบต่อทิศทาง EGCO Group ส่งผลดีเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในตลาดพลังงานสหรัฐอเมริกาได้อย่างมีทิศทางและมีความต่อเนื่อง โดยมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา!!
โดยกลยุทธ์ก้าวทีละก้าวนี้!!!! หากย้อนไปเมื่อต้นปี 2567 จะพบว่า EGCO Group ประสบความสำเร็จในการปิดดีลซื้อหุ้น 50% ใน “กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass” กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา ความสำเร็จครั้งนั้นส่งผลให้ EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 652 เมกะวัตต์
ซึ่งกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่ง ได้แก่ Marcus Hook Energy, L.P. (Marcus Hook) กำลังผลิต 912 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย Milford Power, LLC (Milford) กำลังผลิต 205 เมกะวัตต์ และ Dighton Power, LLC (Dighton) กำลังผลิต 187 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ใกล้กับศูนย์กลางของเมืองใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก ได้แก่ ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน และพรอวิเดนซ์ โดยพื้นที่เหล่านี้มีข้อจำกัดอย่างมากในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ และมีนโยบายมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจำเป็นต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เสริมความมั่นคงให้แก่ระบบ

กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ได้รับประโยชน์จากโรงไฟฟ้า Marcus Hook ซึ่งมีสัญญาระยะยาวในการขายกำลังผลิตส่วนใหญ่ให้แก่ The Long Island Power Authority (LIPA) และขายกำลังผลิตส่วนที่เหลือในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า PJM ในขณะที่โรงไฟฟ้า Milford และโรงไฟฟ้า Dighton ขายกำลังผลิตให้แก่ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ขายไฟฟ้าและให้บริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าให้แก่ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าในพื้นที่ที่แต่ละโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ด้วย
ดังนั้น การลงทุนใน “กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass”ครั้งนั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในการลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าเหล่านั้นตั้งอยู่ ในขณะเดียวกัน ความสำเร็จในการลงทุนครั้งนี้ช่วยสร้างฐานการเติบโตให้ EGCO Group ในตลาดพลังงานของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่มีเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และ EGCO Group มุ่งมั่นที่จะขยายการลงทุนต่อไปในอนาคตอีกด้วย!!!
"ไม่เพียงลงทุนซื้อ เมื่อมีโอกาสสร้างกำไรก็ขาย"
กรณีเทขายหุ้นโรงไฟฟ้าRISEC ออกไปทั้งหมด
หลายคนได้ติดตาม การขายหุ้นโรงไฟฟ้า RISEC ในอเมริกาของ EGCO Group ออกทั้งหมด
นั่นแปลว่า บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ไม่ได้บุกลงทุนซื้ออย่างเดียว เมื่อเห็นโอกาสสร้างกำไรก็ขาย ดังดีลขายหุ้น 49% ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA)

EGCO RISEC II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO Group ถือหุ้นทั้งหมดและจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ SENA และบริษัทย่อย 2 บริษัทของ Carlyle Group (Carlyle) ได้แก่ Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC และ Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อขายหุ้นในสัดส่วน 49% ที่ถือใน RISEC ให้แก่ SENA ในขณะเดียวกัน Carlyle ก็ขายหุ้นของตนเองในสัดส่วน 51% ใน RISEC ให้แก่ SENA นั้น ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าว ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 เป็นผลให้ SENA เป็นเจ้าของ RISEC ในสัดส่วน 100% ในขณะที่ EGCO Group และ Carlyle ได้สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ RISEC
เช่นเดียวกับการเทขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย
ที่ EGCO Group ถือในสัดส่วน 100% ในบริษัท Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock กำลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ให้แก่ Tilt Renewables ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ทำธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลีย

โดยการขายหุ้นครั้งใหญ่ทั้ง 2 ครั้ง และแหล่งอื่นๆ ก็เป็นไปตามกลยุทธ์ของ EGCO Group ที่มุ่งบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยแนวทางการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) โดยรายได้จากการขายหุ้นจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระแสเงินสดของ EGCO Group และจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคตและสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวนั้นเอง
ทั้งหมดคือภาพพอเป็นสังเขป ในการติดปีกบุกตะลุยตลาดพลังงานในสหรัฐ ตลาดที่มีทั้งโอกาสมากมาย และมีความแฟร์ในการแข่งขันอย่างยุติธรรม เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญ
ไม่เพียงการคาดการณ์ แต่ตอกย้ำด้วยตัวเลขผลประกอบการ 2ครั้งล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ EGCO Groupนั้น
(ปี2567 มีรายได้รวม 46,341 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5,412 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 165% ขณะตัวเลขผลประกอบการ6 เดือนแรกของปี 2568 EGCO Group มีรายได้ 22,198 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88%)
มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยบวกสำคัญมาจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรายได้แหล่งต่างประเทศนับวันจะแขร์ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นๆ!!!!จนอาจเป็นส่วนใหญ่ในอนาคต
ใครจะรู้วันหนึ่ง EGCO Group ธุรกิจที่เปลี่ยนภาพจาก "ผู้ผลิตไฟฟ้า และขายไฟฟ้า" อย่างเดียว มาเป็น "ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้า ขายไฟฟ้า และขายโรงไฟฟ้า" ในระยะเวลาไม่กี่ปี
ผ่านการลงทุนแบบ M&A และ Greenfield ที่ EGCO Group มีความถนัด!!!








.png)
ความคิดเห็น