top of page

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำไมจึงติดลบ?



ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงผันผวน จากปัจจัยความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด ในขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มจะมีการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้ราคาขายปลีกราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วยเพราะประเทศไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเป็นหลัก

เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในราคาที่เหมาะสม และไม่กระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนจนมากเกินไป คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการชดเชย

ให้ราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และราคาก๊าซ LPG ไม่เกิน 25.87 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายจ่ายมากกว่ารายรับมาโดยตลอด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2567 ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ 98,220 ล้านบาท ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 51,136 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 47,084 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบ แต่ยังเป็นกลไกที่สำคัญในการพยุงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงเตรียมจัดหาแนวทางบริหารสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม และคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อการดำรงชีพของประชาชนให้น้อยที่สุด ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงสามารถดำเนินการรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

ในประเทศให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดวิกฤต ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562

ทั้งนี้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของทุกท่านและลดการเกิดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งทุกท่านก็สามารถมีส่วนช่วยได้เพียงใช้พลังงานอย่างถูกวิธี

ผ่าน 3 ข้อแนะนำนี้

หมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

ขับรถด้วยความเร็วคงที่ 80 กม/ชม.

ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ทางเดียวกันไปด้วยกัน หรือใช้รถโดยสารสาธารณะ

ที่มา: เว็บไซต์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง https://www.offo.or.th/th/home  

ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page