top of page

พลังงาน ระดมทีม รื้อระบบสำรองน้ำมันและก๊าซ สร้างระบบใหม่เพื่อความยั่งยืนด้านพลังงานของชาติ



นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 8/2567 ในวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าว ได้ดำเนินการควบคู่ไปกับคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบที่มี นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการ และคณะอนุกรรมการร่างกฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษอธึก อัศวานันท์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อร่วมกันดำเนินการศึกษารูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน และไม่เป็นภาระของภาครัฐ

โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นการศึกษาการสำรองน้ำมันและก๊าซของประเทศสหรัฐอเมริกา และหารือถึงรายละเอียดแนวทางการจัดเก็บค่าภาคหลวงตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม

ทั้งในรูปแบบตัวเงิน และเนื้อน้ำมัน รวมถึงการพิจารณารูปแบบการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และการรักษาระดับราคาร่วมกับคณะกรรมการและผู้บริหารของกระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ การจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และรักษาระดับราคารูปแบบใหม่จะเป็นการดำเนินงานโดยภาครัฐที่ไม่มีการแสวงหากำไรใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศและประชาชน พร้อมทั้งเป็นระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคง และใช้ประโยชน์ในการกำกับดูแลราคาน้ำมันในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด



พลังงานดัน แหล่ง “เอราวัณ” ผลิตก๊าซได้ตามเป้าก่อนกำหนด เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าเพื่อประชาชน

กระทรวงพลังงานเผยข่าวดี แหล่งก๊าซธรรมชาติ “เอราวัณ” ในอ่าวไทย สามารถเพิ่มอัตราการผลิตเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในวันที่ 20 มีนาคม 2567 หลังจากที่ผู้รับสัญญาเร่งดำเนินงาน จนสามารถดำเนินการเพิ่มอัตราการผลิตได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้ความสำคัญและกำชับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อความเป็นอยู่ของประชาชน

นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เปิดเผยว่า “การเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติของแปลง G1/61 ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในวันที่ 20 มีนาคม 2567 นี้ เป็นการดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด ถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งภาครัฐ คือ กระทรวงพลังงานโดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และผู้ได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต คือ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ

ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผมและทีมงานได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติโครงการ G/61 (แหล่งเอราวัณ) เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อติดตามให้มีการบริหารจัดการและเพิ่มการผลิตปิโตรเลียมอย่างเต็มกำลังให้ได้ปริมาณตามที่กำหนด รวมทั้งมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้รับสัญญาอย่างใกล้ชิด เพราะก๊าซธรรมชาติถือเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ ดังนั้น การเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย จะมีส่วนช่วย “ลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและรักษาระดับค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนได้”

ด้านนายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะที่กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 ซึ่งนับเป็นงานที่มีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการใช้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตในกิจการปิโตรเลียม โดยได้มีการเตรียมโครงสร้างหน่วยงานและบุคลากรของกรมเพื่อรองรับภารกิจการดำเนินงานภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ตลอดจนการติดตาม กำกับดูแล พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัท ปตท.สผ. อีดี ให้เป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้การผลิตปิโตรเลียมจากแปลงดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ทั้งนี้ แหล่งก๊าซธรรรมชาติเอราวัณ นับเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติในทะเลอ่าวไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งภายหลังจากนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะยังคงทำงานร่วมกับผู้รับสัญญาอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งดังกล่าวให้มีความต่อเนื่อง และสามารถสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศให้แข็งแกร่งต่อไป

ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page