"พิจิตรา" พามองการเมืองEP.1 (เพื่อไทย ยกเครื่องอะไร? จะได้มนุษย์การเมืองพันธ์ละมุน!!!)
- Close Up Thailand
- 8 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

ถ้าวันที่ 31 มกราคม2569 คือเป้าหมายในการยุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ก็เหลือเวลาเพียง 3 เดือนเศษ บรรดานักเลือกตั้งมืออาชีพขณะนี้ จึงอยู่ในช่วงเวลาหาสังกัด เหมือนนักมวยกำลังหาค่ายสังกัดเพื่อขึ้นชก ฉันได ฉันนั้น
-พรรคเพื่อไทย เลือกเวลาเลือกจังหวะในการเปิดตัวชุดแรกในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ในเกมยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว
1.เพื่อสร้างความชัดเจนให้ผู้สมัคร ทั้งคนเก่า-หรือคนใหม่ว่า ตัวเอง ตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่ ท่ามกลางกระแสข่าวลือ แพร่หลาย การให้ความชัดเจนจึงสำคัญ
2.เพื่อล็อคคอบนเวที คนที่ใจประเภท 50:50 จะอยู่หรือไป เพราะตลาดซื้อขายกำลังชุลมุนอย่างหนักเวลานี้
3.เพื่อปักหมุดจุดขายครั้งหน้า ว่า เพื่อไทยจะเอาอะไรมาขาย และจะเรียนรู้บทเรียนข้อผิดพลาดอะไรบ้าง?
เพราะการจะประสบความสำเร็จในวันหน้า ต้องกล้าเรียนรู้ข้อผิดพลาดในอดีต!!!

ดังนั้น เวลาบนเวทีเกือบครึ่งชั่วโมงของ “อุ๊งอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่า และสื่อออกมาตรงประเด็นในสารัตถะตรึงใจทั้งแฟนเก่า และคนกลาง ๆ ที่มองการเมืองว่า ใครแน่?คือ ความหวังประเทศ
โดยเฉพาะแฟนเก่าเมื่อเล่าถึงอดีตผู้ก่อตั้ง ที่สร้างผลงานมากมาย สุดท้ายไปนอนอยู่ในเรือนจำ และแสวงหาความยุติธรรมที่เขายังหาไม่เจอเวลานี้ เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจหลายคน!!!
ส่วนคนกลางๆ อยากเห็นพรรคเพื่อไทย ถอดบทเรียนความผิดพลาดว่า 2 ปีมีเรื่องอะไรบ้าง และจะปรับปรุงอย่างไร? และเมื่อไหร? ซึ่งเป็นโจทย์ ที่เพื่อไทยแสดงถึงการยอมรับ พร้อมปรับปรุงและเดินไปข้างหน้า
อีเวนต์ วันนี้จึงชื่อว่า ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย!!!

ปิดฉากกิจกรรมเราได้เห็นความพยายามในการยกเครื่องโครงสร้างการทำงานภายในพรรคใหม่!!!
ให้บทบาทบุคคลสำคัญในพรรครับผิดชอบแต่ละพื้นที่ชัดเจน ทั้งโซนเหนือตอนบน เหนือตอนล่าง อีสานล่าง อีสานบน กลางล่าง กลางบน ตะวันออก ตะวันตก และใต้เป็นต้น
ทั้งนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายสุทิน คลังแสง เป็นต้น บุคคลเหล่านี้คือ แม่เหล็ก อย่ามองบุคคลเหล่านี้แค่ตัวประกอบ ต้องชูให้เป็นพระเอกในแต่ละพื้นที่
เป็นการให้บทบาท ให้อำนาจตัดสินใจ ให้ทรัพยากรใช้เป็นเครื่องมือแก่บุคคลสำคัญในพรรคในการร่วมขับเคลื่อน เพื่อไม่เกิดการรวมศูนย์ ทำให้ก่อประสิทธิภาพจตามมา
และขณะเดียวกัน มีการจัดให้มี เวทีเพื่อดึงจุดแข็งของพรรค ที่มีคนหลายรุ่น มาทำงานร่วมกัน ผ่านกลไก คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ คณะที่ปรึกษาด้านการเมือง และศูนย์พัฒนานักการเมืองพันธุ์ใหม่ YPP
ที่สำคัญคือ การให้ความสำคัญกับสำนักนโยบาย หรือสถาบันนโยบาย ซึ่งจะเป็นศูนย์ข้อมูล และแหล่งรวมงานวิชาการสำคัญของพรรค รวมถึงการมีเวทีมูนช็อตฟอรั่ม เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทในอดีต ผลงานจากบุคคลที่เสมือนเป็นจิตวิญาณของพรรค ถักทอความสำเร็จ ตั้งแต่ยุคแรกถึงยุคปัจจุบัน เป็นเวทีที่สะท้อนรูปธรรมการเมืองกินได้
อย่างน้อยการมีเวที สร้างพื้นที่ และดึงจุดแข็งคนแต่ละวัย ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นใหญ่ให้สามารถร่วมงานกันได้ โดยหากทำเกิดเป็นรูปธรรมได้ จะเป็นการยกเครื่องเพื่อไทยที่ไม่สูญเปล่า!!!
เพราะบุคลากรที่มีคุณค่าตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน และถึงเพื่อไทย แม้พรรคถูกยุบ กรรมการบริหารหลายคนถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่จิตวิญญาณในการเป็นคนเพื่อไทยหลายคนยังเต็มเปี่ยม แต่ที่ขาดไป คือ ในบางเวลาพรรคก็ก็แลข้ามคุณค่าบุคคลเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย!!!
ดังนั้น การดึงคุณค่าจากคนมีประสบการณ์ มาบวกความกล้าตามประสาคนรุ่นใหม่เข้าด้วยกันได้ เพื่อไทยจะได้มนุษย์การเมืองพันธ์ละมุน ที่แม้แต่ขั้วโลกเหนือก็หาไม่เจอ????
ดังนั้น ตัวเลข 200 บวกลบตามที่ผู้อำนวยการเลือกตั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”ตั้งเป้าหมาย ทำได้ดี เผลอๆ อาจแลนด์สไลด์ถึง 250 ใครจะรู้ เพราะคนตัดสินอยู่ที่ประชาชน!!!
-พิจิตรา-








.png)
ความคิดเห็น