top of page

ภาษีทรัมป์กลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียน เพิ่มโอกาสส่งออกไทยและอาเซียน ดันจีดีพีเกิน 2%

  • รูปภาพนักเขียน: Close Up Thailand
    Close Up Thailand
  • 10 ส.ค.
  • ยาว 6 นาที

เปิดใบอนุญาตทำงานให้ผู้ลี้ภัยค่ายอพยพแก้ขาดแคลนแรงงาน

เพิ่มเทคโนโลยีแก้ขาดแคลนแรงงานระยะยาว

กนง ควรลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม ไม่มีปัญหาแรงกดดันเงินเฟ้อ กระตุ้นอุปสงค์ภายใน 

 ที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT)  คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ 16.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568

 

ree

 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรประเทศต่างๆแตกต่างกันส่งผลต่อรูปแบบการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะการเก็บภาษีในอัตราที่แตกต่างกันมากระหว่างกลุ่ม BRICS และกลุ่มอาเซียน การแข่งขันระหว่างสินค้าส่งออกในกลุ่ม BRICS และอาเซียนในตลาดสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าส่งออกบางประเภทสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่บางประเทศได้โอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดใหม่ อัตราภาษีทรัมป์ที่เรียกเก็บจากกลุ่ม BRICS สูงกว่าอาเซียนค่อนข้างมาก เป็นการสร้างโอกาสสินค้าส่งออกของไทยและอาเซียนที่ต้องแข่งขันกับกลุ่ม BRICS การส่งออกอาจขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม นอกจากนี้ ยังจะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากประเทศ BRICS มายังไทยและอาเซียนมากขึ้นหากส่วนต่างของอัตราภาษีศุลากรของสองกลุ่มประเทศนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่า 2%  ได้ ภายใต้นโยบาย Liberation Tariffs และบทลงโทษเพิ่มเติมของสหรัฐฯ กลุ่ม BRICS ต้องเผชิญภาษีสูงมาก โดยเฉพาะ จีน (55%) และ อินเดีย–บราซิล (50%) ส่งผลกระทบหนักต่อสินค้าหลัก เช่น สินค้าเกษตร สิ่งทอ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ เครื่องจักร เป็นต้น ขณะที่ แอฟริกาใต้ ถูกเก็บในระดับปานกลาง (30%) และ รัสเซีย ถูกจำกัดการค้าเกือบทั้งหมดจากมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรวมกันแล้วทำให้ความสามารถแข่งขันของ BRICS ในตลาดสหรัฐฯ ลดลงอย่างชัดเจน กลุ่ม ASEAN ส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากการเจรจาลดภาษีภายใต้นโยบาย Trump Tariffs โดย ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ถูกปรับลดเหลือเพียง 19% จากเดิมที่สูงกว่าระดับนี้มาก ขณะที่ เวียดนาม ยังคงถูกเก็บสูงกว่าที่ 20% ส่วน สิงคโปร์ อยู่ในระดับต่ำสุดที่ 10% และ ลาว–เมียนมา ยังถูกเก็บสูงถึง 40–50% การลดภาษีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถแข่งขันของ ASEAN ในฐานะฐานการผลิต China Plus One แทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของ DEIIT พบว่า ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และมาเลเซีย มีศักยภาพเพิ่มส่วนแบ่งตลาดยางและผลิตภัณฑ์ยางในสหรัฐฯ หลัง BRICS ถูกเก็บภาษีสูง โดยไทย–อินโดนีเซียเด่นในยางธรรมชาติและยางรถยนต์, เวียดนามได้เปรียบในยางจักรยาน, สิงคโปร์–ไทย–มาเลเซียแข่งขันได้ดีในยางสังเคราะห์, และไทย–มาเลเซียเด่นในผลิตภัณฑ์ยางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ความได้เปรียบเกิดจากต้นทุนแข่งขันต่ำกว่าและอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งใน BRICS อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ไทย และบางประเทศ ASEAN ได้เปรียบอย่างชัดเจนในตลาดยานยนต์และชิ้นส่วนของสหรัฐฯ หลัง BRICS โดยเฉพาะ จีน และ อินเดีย ถูกเก็บภาษีสูง 50–55% ทำให้คำสั่งซื้อรถกระบะ, รถยนต์อเนกประสงค์ดัดแปลงจากรถกะบะ, รถบรรทุก และชิ้นส่วนสำคัญมีแนวโน้มย้ายมาที่ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ไทยครองความได้เปรียบในรถกระบะและยางรถยนต์, มาเลเซียเด่นในอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ และเวียดนามเสริมในสายไฟและยางมอเตอร์ไซค์ ส่งผลให้ ASEAN มีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดแทน BRICS อย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ จีน และ อินเดีย ถูกเก็บภาษีสูงถึง 50–55% ภายใต้ Trump Tariffs ทำให้คำสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีแนวโน้มย้ายมายังกลุ่มอาเซียนมากขึ้นและอาจมีการย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ ASEAN มากขึ้นในอนาคต โดยเวียดนามโดดเด่นในสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้า ไทยแข็งแกร่งในชิ้นส่วนและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนมาเลเซียและฟิลิปปินส์มีโอกาสขยายงานในสายเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม

 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวต่อว่า ทางศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) ได้นำเสนอบทวิเคราะห์ โดย ดร.ภัทรพงศ์ มาลาวัลย์ นักวิจัย DEIIT เปรียบเทียบอัตราภาษีระหว่างกลุ่ม BRICS กับ อาเซียน และวิเคราะห์ประเภทสินค้าส่งออกพร้อมมูลค่าเพื่อประเมินแนวโน้มการปรับตัวในตลาดสหรัฐฯ

 

ตารางที่ 1: ผลกระทบจาก Liberation Tariffs + การพึ่งพาสหรัฐฯ (BRICS)

กลุ่ม

ประเทศ

Liberation Tariff(ภาษีพื้นฐาน)

Penalty Tariff(บทลงโทษเพิ่มเติม)

Total Tariff(รวมทั้งหมด)

หมายเหตุเพิ่มเติม

BRICS

Brazil

10%

+40% (Emergency)

50%

สินค้าเกษตร / โลหะหายาก

 

India

25%

+25% (Russian oil)

50%

โดนเพิ่มโทษกรณีซื้อพลังงานจากรัสเซีย

 

China

10%

+20% (Fentanyl Surcharge)+25% (Section 301)

55%

ภาษีสะสมจากหลายมาตรการ

 

South Africa

10%

20%

30%

ไม่มีรายละเอียดสินค้าเจาะจง

 

Russia

ไม่ระบุ

อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร

การค้าถูกจำกัดขั้นสูง

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ตารางที่ 2 ชี้ให้เห็นว่า กลุ่ม ASEAN ส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จากการเจรจาลดภาษีภายใต้นโยบาย Trump Tariffs โดย ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ถูกปรับลดเหลือเพียง 19% จากเดิมที่สูงกว่า ขณะที่ เวียดนาม ยังคงถูกเก็บสูงกว่าที่ 20% ส่วน สิงคโปร์ อยู่ในระดับต่ำสุดที่ 10% และ ลาว–เมียนมา ยังถูกเก็บสูงถึง 40–50% การลดภาษีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถแข่งขันของ ASEAN ในฐานะฐานการผลิต China Plus One แทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ

ตารางที่ 2: ผลกระทบ China Plus One + ภาษีทรัมป์ + การพึ่งพาสหรัฐฯ (ASEAN)

กลุ่ม

ประเทศ

Liberation Tariff(ภาษีพื้นฐาน)

Penalty Tariff(บทลงโทษเพิ่มเติม)

Total Tariff(รวมทั้งหมด)

หมายเหตุเพิ่มเติม

ASEAN

Thailand

10%

9%

19%

ลดจาก 36% หลังเจรจา

 

Malaysia

10%

9%

19%

ได้รับอัตราเดียวกับไทย

 

Indonesia

10%

9%

19%

 

Philippines

10%

9%

19%

 

Cambodia

10%

9%

19%

เดิมเคยสูงถึง 49%

 

Vietnam

10%

10%

20%

ยังคงสูงกว่าประเทศอื่นเล็กน้อย

 

Singapore

10%

10%

ไม่มีบทลงโทษเพิ่มเติม

 

Lao / Myanmar

~10%

+30–40% (ยังไม่ลด)

40–50%

ยังไม่อยู่ในกลุ่มลดภาษี

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ตารางที่ 3 สะท้อนว่า ในสินค้าส่งออกที่ BRICS และ ASEAN แข่งขันกันในตลาดสหรัฐฯ กลุ่มที่มีมูลค่า China Plus One สูงอย่าง เวียดนาม เสี่ยงเสียส่วนแบ่งราว 25% จากการถูกจับตาเรื่อง transshipment แม้ภาษีอยู่ที่ 20% ส่วน ไทยและหลายชาติ ASEAN ภาษี 19% ยังได้เปรียบ แต่หากถูกจัดว่าเป็นการส่งต่อสินค้าจีนก็มีความเสี่ยงสูง ขณะที่ สิงคโปร์ ภาษีต่ำสุด 10% ได้เปรียบเชิงต้นทุนแม้ไม่ใช่ฐานผลิตหลัก และ กัมพูชา แม้เป็นศูนย์กลางสิ่งทอ (GFT hub) ก็อาจถูกแทนที่โดยประเทศอื่นใน ASEAN

ตารางที่ 3: สินค้าส่งออกที่ทับซ้อน / เป็นคู่แข่งระหว่าง BRICS และ ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเทศ

China Plus One Value

ภาษีสหรัฐฯ

ผลกระทบต่อการนำเข้า (US)

Vietnam

สูง (Apple, electronics)

20% (แรงระวัง 40% transshipment)

เสี่ยงสูญ ~25% ของยอดส่งออกไป US

Thailand & หลายชาติ ASEAN

ปานกลาง (ฐานผลิตทางเลือก)

19%

หากเป็น transshipment เสี่ยงสูง

Singapore

ต่ำ (โครงสร้างบริหาร)

10%

ได้เปรียบ แต่ไม่ใช่ hub China Plus One

Cambodia

ต่ำ (แต่เป็น GFT hub)

19%

อาจถูกแทนที่ด้วยประเทศอื่นใน ASEAN

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 4 ชี้ให้เห็นว่า BRICS และ ASEAN มีการแข่งขันโดยตรงในหลายกลุ่มสินค้าหลักในตลาดสหรัฐฯ โดย จีนและอินเดีย แข่งขันกับ เวียดนาม–มาเลเซีย–ไทย ในอิเล็กทรอนิกส์มูลค่าสูง, อินเดีย–จีน ปะทะ เวียดนาม–กัมพูชา ในสิ่งทอ, จีน–อินเดีย–บราซิล แข่งกับ ไทย–อินโดนีเซีย ในยานยนต์, และ บราซิล–จีน แข่งขันกับ เวียดนาม–ไทย ในเกษตร ขณะที่กลุ่มยางและเครื่องจักร ASEAN ได้เปรียบจากภาษีต่ำกว่าและคุณภาพการผลิตที่สูงกว่า ทำให้มีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่ BRICS ถูกเก็บภาษีสูง

ตารางที่ 4: สินค้าส่งออกที่ทับซ้อน / เป็นคู่แข่งระหว่าง BRICS และ ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

กลุ่มสินค้า

ผู้เล่นหลักใน BRICS

ผู้เล่นหลักใน ASEAN

ลักษณะการแข่งขัน

เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

จีน, อินเดีย (อิเล็กทรอนิกส์เบา, อุปกรณ์โทรคมนาคม)

เวียดนาม, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์

แข่งขันตรงในกลุ่มสินค้ามูลค่าสูง เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, ชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์

สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

อินเดีย, จีน

เวียดนาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย

แข่งขันในตลาด GFT (Garment, Footwear, Textiles) โดยเวียดนาม–กัมพูชาได้ภาษีต่ำกว่า BRICS

ยานยนต์และชิ้นส่วน

จีน, อินเดีย, บราซิล

ไทย, อินโดนีเซีย

ไทยมีความได้เปรียบด้านคุณภาพและ FTA บางส่วน แต่จีนแข่งในด้านราคาต่ำ

สินค้าเกษตร

บราซิล (กาแฟ, เนื้อวัว), จีน (ผลไม้, อาหารแปรรูป)

เวียดนาม (กาแฟ, ผลไม้), ไทย (ยางพารา, ผลไม้)

บราซิล vs เวียดนาม แข่งขันตรงในตลาดกาแฟ / จีน vs ไทย แข่งในผลไม้และอาหารแปรรูป

ยางและผลิตภัณฑ์ยาง

บราซิล, อินเดีย

ไทย, มาเลเซีย

ไทยได้เปรียบด้านคุณภาพและกำลังผลิต แต่บราซิลมีต้นทุนวัตถุดิบต่ำ

เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม

จีน, อินเดีย

ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์

จีนครองตลาดปริมาณสูง แต่ ASEAN ได้เปรียบจากภาษีต่ำกว่าในบางรายการ

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 5 ชี้ว่ากลุ่ม ASEAN โดยเฉพาะเวียดนาม, ไทย, และมาเลเซีย ได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างชัดเจนในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 

ตารางที่ 5: การแข่งขันสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ ด้านการส่งออกของประเทศผู้ส่งออก (%)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

ความเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

โทรศัพท์มือถือและส่วนประกอบ (HS 8517)

จีน (~15% ของการส่งออกทั้งหมดไปสหรัฐฯ), อินเดีย (ฐานประกอบ iPhone บางรุ่น)

เวียดนาม (ฐานประกอบหลักของ Samsung, Apple), ไทย (ชิ้นส่วนประกอบ)

จีน 15%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, ไทย 19%

เวียดนามและไทยได้เปรียบชัดจากการที่จีน/อินเดียโดนภาษีสูง; ออเดอร์สมาร์ทโฟนและชิ้นส่วนมีแนวโน้มโยกเข้าเวียดนามมากขึ้น

คอมพิวเตอร์และแล็ปท็อป (HS 8471)

จีน (ฐานหลักการผลิตโน้ตบุ๊กโลก), อินเดีย (ขนาดเล็ก)

มาเลเซีย (ประกอบ server, storage), ไทย (HDD), เวียดนาม (ประกอบโน้ตบุ๊ก)

จีน 15%, มาเลเซีย 16%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, มาเลเซีย 19%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%

มาเลเซีย, ไทย, เวียดนามจะดึงออเดอร์ประกอบและชิ้นส่วนเพิ่มจากจีน; ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กบางรายอาจย้ายฐานเข้ามาใน ASEAN

เซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวม (HS 8542)

จีน (แพ็กเกจ/ทดสอบ), อินเดีย (เริ่มลงทุน), บราซิล (ขนาดเล็ก)

มาเลเซีย (OSAT), ฟิลิปปินส์ (assembly), ไทย (IC packaging), เวียดนาม (ทดสอบ)

จีน 15%, มาเลเซีย 16%, ฟิลิปปินส์ 14%, ไทย 15%

จีน 55%, อินเดีย 50%, มาเลเซีย 19%, ฟิลิปปินส์ 19%, ไทย 19%

ASEAN โดยเฉพาะมาเลเซีย–ฟิลิปปินส์จะได้คำสั่งผลิต/ประกอบแทนจีน

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (HS 8509/8516)

จีน (เครื่องใช้ไฟฟ้าเล็ก–ใหญ่), อินเดีย (ขนาดเล็ก)

ไทย (เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น), เวียดนาม (เครื่องซักผ้า, ทีวี), มาเลเซีย (เครื่องครัวไฟฟ้า)

จีน 15%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%

ไทยและเวียดนามมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับกลาง–พรีเมียม

อุปกรณ์โทรคมนาคมอื่น ๆ (HS 8517.62, 8517.69)

จีน, อินเดีย

เวียดนาม, ไทย, มาเลเซีย

จีน 15%, เวียดนาม 28%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%

เวียดนามและไทยจะดึงออเดอร์อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย, เราเตอร์, ชิ้นส่วนเสาโทรคมนาคมเพิ่มจากจีน

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 6 แสดงให้เห็นว่า เวียดนาม และ กัมพูชา ได้เปรียบสูงสุดในตลาดสิ่งทอสหรัฐฯ หลัง BRICS ถูกเก็บภาษี 50–55% โดยเวียดนามเด่นด้านคุณภาพและฐานผลิตของแบรนด์ระดับโลก ส่วนกัมพูชามีต้นทุนแรงงานต่ำและพึ่งพาสหรัฐฯ สูง ขณะที่ ไทย และ อินโดนีเซีย ได้โอกาสเพิ่มการส่งออกในผ้าและรองเท้า โดยเฉพาะสินค้าเฉพาะทางและระดับกลาง–สูง ทำให้คำสั่งซื้อมีแนวโน้มไหลออกจากจีนและอินเดียเข้าสู่ ASEAN อย่างชัดเจน

ตารางที่ 6: การแข่งขันสินค้าสิ่งทอ BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ ด้านการส่งออกของประเทศผู้ส่งออก (%)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

ความเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้า (Woven Apparel) (HS 6201–6212)

จีน, อินเดีย

เวียดนาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, เมียนมา

จีน 15%, อินเดีย 17%, เวียดนาม 28%, กัมพูชา 35%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, กัมพูชา 19%, อินโดนีเซีย 19%

เวียดนามและกัมพูชาได้เปรียบชัด เนื่องจากภาษีต่ำและมี GSP/FTA บางส่วน; ออเดอร์จากจีนและอินเดียมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตเข้ามา

เสื้อผ้าถัก (Knitted Apparel) (HS 6101–6117)

จีน, อินเดีย

เวียดนาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, เวียดนาม 28%, กัมพูชา 35%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, กัมพูชา 19%, อินโดนีเซีย 19%

กัมพูชาได้เปรียบอย่างมากในสินค้าสำเร็จรูปถัก เพราะใช้แรงงานราคาถูกและพึ่งสหรัฐฯ สูง; เวียดนามได้เปรียบด้านคุณภาพและโครงสร้าง supply chain

สิ่งทอพื้นฐาน (Fabrics) (HS 5208–5516)

จีน, อินเดีย, บราซิล (ฝ้าย)

เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, เวียดนาม 28%, ไทย 15%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%

เวียดนามและไทยสามารถเพิ่มการส่งออกผ้าสำเร็จรูปแทนจีน/อินเดีย โดยเฉพาะตลาดผ้าโพลีเอสเตอร์และคอตตอน

รองเท้า (HS 6401–6406)

จีน, อินเดีย

เวียดนาม, อินโดนีเซีย, กัมพูชา

จีน 15%, อินเดีย 17%, เวียดนาม 28%, อินโดนีเซีย 11%, กัมพูชา 35%

จีน 55%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, อินโดนีเซีย 19%, กัมพูชา 19%

เวียดนามเป็นผู้ชนะชัดเจนเพราะมีฐานการผลิตของ Nike, Adidas, Puma; กัมพูชากับอินโดนีเซียได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อระดับกลาง–ต่ำ

สิ่งทอเทคนิค (Technical Textiles) (HS 5911, 6307)

จีน, อินเดีย

ไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%

ไทยและเวียดนามสามารถแย่งตลาดสิ่งทอเทคนิคสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรมได้จากจีน/อินเดีย

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ตารางที่ 7 ชี้ว่า ไทย และบางประเทศ ASEAN ได้เปรียบอย่างชัดเจนในตลาดยานยนต์และชิ้นส่วนของสหรัฐฯ หลัง BRICS โดยเฉพาะ จีน และ อินเดีย ถูกเก็บภาษีสูง 50–55% ทำให้คำสั่งซื้อรถกระบะ, PPV, รถบรรทุก และชิ้นส่วนสำคัญมีแนวโน้มย้ายมาที่ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ไทยครองความได้เปรียบในรถกระบะและยางรถยนต์, มาเลเซียเด่นในอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ และเวียดนามเสริมในสายไฟและยางมอเตอร์ไซค์ ส่งผลให้ ASEAN มีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดแทน BRICS อย่างเห็นได้ชัด

 

 

ตารางที่ 7: การแข่งขันสินค้า ยานยนต์และชิ้นส่วน BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ ด้านการส่งออกของประเทศผู้ส่งออก (%)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

การเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

รถยนต์นั่งสำเร็จรูป (HS 8703)

จีน (รถ EV, SUV), อินเดีย (รถเล็ก, compact), บราซิล (รถยนต์เชิงพาณิชย์บางรุ่น)

ไทย (ฐานผลิตปิกอัพและ PPV), อินโดนีเซีย (MPV), มาเลเซีย (รถนั่ง)

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, อินโดนีเซีย 11%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%

ไทยได้เปรียบชัดในรถกระบะและ PPV; จีนเสียเปรียบหนักใน EV และ SUV ตลาดสหรัฐฯ

รถบรรทุกและยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ (HS 8704)

จีน, บราซิล (รถบรรทุกหนัก)

ไทย, อินโดนีเซีย

จีน 15%, บราซิล 11%, ไทย 15%

จีน 55%, บราซิล 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%

ไทยและอินโดนีเซียมีโอกาสเพิ่มคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดกลาง–หนัก

ชิ้นส่วนรถยนต์ (HS 8708)

จีน (ชิ้นส่วนเครื่องยนต์, ชิ้นส่วนตัวถัง), อินเดีย (ระบบส่งกำลัง, suspension)

ไทย (ระบบขับเคลื่อน, engine parts), มาเลเซีย (อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์), เวียดนาม (สายไฟ, harness)

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, เวียดนาม 20%

ไทย, เวียดนาม, มาเลเซียได้ประโยชน์ชัดจากการที่จีน/อินเดียโดนภาษีสูง

ยางรถยนต์ (HS 4011)

จีน, อินเดีย

ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, อินโดนีเซีย 11%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%, เวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%

ไทยและอินโดนีเซียครองความได้เปรียบในตลาดยางดิบและยางสำเร็จรูป; เวียดนามเสริมในยางจักรยานและมอเตอร์ไซค์

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (HS 8536, 8544 สำหรับรถ)

จีน, อินเดีย

มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%, ฟิลิปปินส์ 14%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, ฟิลิปปินส์ 19%

มาเลเซียและไทยจะได้ออเดอร์เพิ่มในระบบควบคุมและสายไฟยานยนต์

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 8 ชี้ว่า ASEAN โดยเฉพาะเวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินค้าเกษตรในสหรัฐฯ หลัง BRICS ถูกเก็บภาษีสูง โดยเวียดนาม–อินโดนีเซียได้เปรียบในกาแฟ, ไทย–อินโดนีเซียครองตลาดยางพารา, ไทย–เวียดนามได้ประโยชน์จากข้าวคุณภาพสูง, ส่วนไทย–เวียดนาม–ฟิลิปปินส์เด่นในผลไม้เมืองร้อน ขณะที่น้ำตาลไทย–ฟิลิปปินส์มีโอกาสเพิ่มการส่งออก ข้อได้เปรียบนี้เกิดจากต้นทุนแข่งขันที่ดีและอัตราภาษีต่ำกว่า BRICS อย่างชัดเจน

 

ตารางที่ 8: การแข่งขันสินค้า เกษตร BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ ด้านการส่งออกของประเทศผู้ส่งออก (%)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

การเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

กาแฟ (HS 0901)

บราซิล (ใหญ่ที่สุดในโลก), อินเดีย (โรบัสต้า)

เวียดนาม (โรบัสต้า), อินโดนีเซีย (โรบัสต้า–อาราบิก้า)

บราซิล 11%, เวียดนาม 28%, อินโดนีเซีย 11%

บราซิล 50%, อินเดีย 50%, เวียดนาม 20%, อินโดนีเซีย 19%

เวียดนามและอินโดนีเซียได้เปรียบ ราคากาแฟจาก BRICS แพงขึ้นมากในตลาดสหรัฐฯ

เนื้อวัว (HS 0201, 0202)

บราซิล, อินเดีย (เนื้อควาย)

ไม่มีผู้ส่งออกหลัก (อาเซียนเน้นหมู/ไก่)

บราซิล 11%, อินเดีย 17%

บราซิล 50%, อินเดีย 50%

ออสเตรเลีย–นิวซีแลนด์จะได้ส่วนแบ่งแทน ASEAN ไม่มีสินค้าหลักมาทดแทน

ยางพารา (HS 4001)

บราซิล (มีแต่สัดส่วนต่ำ)

ไทย (ใหญ่สุดในโลก), อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม

ไทย 15%, อินโดนีเซีย 11%, เวียดนาม 28%

บราซิล 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%, เวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%

ไทย–อินโดนีเซียได้เปรียบมาก โดยเฉพาะยางดิบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

ข้าว (HS 1006)

จีน, อินเดีย (บาสมาติ)

ไทย (หอมมะลิ, ข้าวขาว), เวียดนาม (ข้าวขาว), กัมพูชา (หอมมะลิ)

อินเดีย 17%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%, กัมพูชา 35%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, กัมพูชา 19%

ไทย–เวียดนามได้ออเดอร์เพิ่ม โดยเฉพาะข้าวคุณภาพสูง

ผลไม้เมืองร้อน (HS 0803, 0804, 0805)

บราซิล (ส้ม, มะม่วง), จีน (ลิ้นจี่)

ไทย (ทุเรียน, มะม่วง), เวียดนาม (ลำไย, ทุเรียน), ฟิลิปปินส์ (กล้วย, สับปะรด)

บราซิล 11%, จีน 15%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%, ฟิลิปปินส์ 14%

บราซิล 50%, จีน 55%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, ฟิลิปปินส์ 19%

ไทย–เวียดนาม–ฟิลิปปินส์ได้เปรียบ โดยเฉพาะทุเรียนและสับปะรด

น้ำตาล (HS 1701)

บราซิล (ใหญ่สุดในโลก), อินเดีย

ไทย, ฟิลิปปินส์

บราซิล 11%, อินเดีย 17%, ไทย 15%

บราซิล 50%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, ฟิลิปปินส์ 19%

ไทยและฟิลิปปินส์ได้โอกาสในน้ำตาลดิบและน้ำตาลทรายขาว

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 9 ชี้ว่า ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และมาเลเซีย มีศักยภาพเพิ่มส่วนแบ่งตลาดยางและผลิตภัณฑ์ยางในสหรัฐฯ หลัง BRICS ถูกเก็บภาษีสูง 

 

 

ตารางที่ 9: การแข่งขันสินค้า ยางและผลิตภัณฑ์ยาง BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ ด้านการส่งออกของประเทศผู้ส่งออก (%)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

การเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

ยางธรรมชาติ (HS 4001)

บราซิล (ปริมาณน้อย, ผลิตภายในใช้เอง), อินเดีย (นำเข้าเป็นหลัก)

ไทย (ใหญ่ที่สุดในโลก), อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม

ไทย 15%, อินโดนีเซีย 11%, เวียดนาม 28%

บราซิล 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%, เวียดนาม 20%, มาเลเซีย 19%

ไทยและอินโดนีเซียได้เปรียบมาก เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตหลัก ราคาจาก BRICS สูงขึ้นทำให้ย้ายออเดอร์มา ASEAN

ยางสังเคราะห์ (HS 4002)

จีน, รัสเซีย, อินเดีย

สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย

จีน 15%, รัสเซีย 3%, อินเดีย 17%, สิงคโปร์ 8%, ไทย 15%

จีน 55%, รัสเซีย (คว่ำบาตร), อินเดีย 50%, สิงคโปร์ 10%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%

สิงคโปร์ได้เปรียบในยางสังเคราะห์พิเศษ ไทย–มาเลเซียเพิ่มคำสั่งซื้อในตลาดยางยานยนต์

ยางรถยนต์ (HS 4011)

จีน, อินเดีย

ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, อินโดนีเซีย 11%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, อินโดนีเซีย 19%, เวียดนาม 20%

ไทย–อินโดนีเซีย–เวียดนามได้คำสั่งซื้อเพิ่มจากตลาดยางรถยนต์ทดแทน (replacement tires)

ยางในและยางล้อจักรยาน/มอเตอร์ไซค์ (HS 4013, 4012)

จีน, อินเดีย

ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%, อินโดนีเซีย 11%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, อินโดนีเซีย 19%

เวียดนามมีความได้เปรียบในยางจักรยาน, ไทย–อินโดนีเซียแข็งในมอเตอร์ไซค์

ผลิตภัณฑ์ยางอุตสาหกรรม (HS 4016)

จีน, อินเดีย, บราซิล

ไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม

จีน 15%, อินเดีย 17%, บราซิล 11%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%

จีน 55%, อินเดีย 50%, บราซิล 50%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, เวียดนาม 20%

ไทย–มาเลเซียได้โอกาสเพิ่มในสายพาน, ซีล, และยางขึ้นรูปอุตสาหกรรม

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ตารางที่ 10 ชี้ว่า ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้โอกาสขยายตลาดเครื่องจักรกลและชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ หลัง BRICS ถูกเก็บภาษีสูง โดยไทย–มาเลเซียเด่นในเครื่องจักรอุตสาหกรรมทั่วไป, แปรรูปอาหาร และชิ้นส่วนเครื่องจักร, เวียดนามแข็งในเครื่องจักรกลการเกษตร, ขณะที่สิงคโปร์ได้เปรียบในชิ้นส่วนความแม่นยำสูงและปั๊ม/คอมเพรสเซอร์ ทั้งนี้ความได้เปรียบมาจากโครงสร้างภาษีต่ำกว่า BRICS และความสามารถด้านคุณภาพ-เทคโนโลยีที่สหรัฐฯ ต้องการ

ตารางที่ 10: การแข่งขันสินค้า เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม BRICS vs ASEAN ในตลาดสหรัฐฯ

ประเภทสินค้า (HS Code)

ผู้ส่งออกหลักใน BRICS

ผู้ส่งออกหลักใน ASEAN

การพึ่งพาสหรัฐฯ (% ของส่งออกทั้งหมด)

ภาษีสหรัฐฯ หลังทรัมป์

การเปลี่ยนแปลงความสามารถแข่งขัน (Competitive Shift)

เครื่องจักรกลอุตสาหกรรมทั่วไป (HS 8479)

จีน, อินเดีย

ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, สิงคโปร์ 8%, มาเลเซีย 16%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, สิงคโปร์ 10%, มาเลเซีย 19%

ไทย–มาเลเซียได้โอกาสเพิ่ม โดยเฉพาะในเครื่องจักรประกอบและ automation

เครื่องจักรกลการเกษตร (HS 8432, 8433)

จีน, อินเดีย, บราซิล

ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย

จีน 15%, อินเดีย 17%, บราซิล 11%, ไทย 15%, เวียดนาม 28%, อินโดนีเซีย 11%

จีน 55%, อินเดีย 50%, บราซิล 50%, ไทย 19%, เวียดนาม 20%, อินโดนีเซีย 19%

เวียดนาม–ไทยได้เปรียบในตลาดเครื่องสีข้าวและเครื่องเก็บเกี่ยวขนาดเล็ก

เครื่องจักรผลิตอาหารและเครื่องดื่ม (HS 8438)

จีน, อินเดีย

ไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%, เวียดนาม 28%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, เวียดนาม 20%

ไทย–มาเลเซียได้ส่วนแบ่งในเครื่องจักรแปรรูปอาหาร ขณะที่จีนเสียราคาแข่งขัน

ชิ้นส่วนเครื่องจักร (HS 8483, 8484)

จีน, อินเดีย, รัสเซีย

ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์

จีน 15%, อินเดีย 17%, รัสเซีย 3%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%, สิงคโปร์ 8%

จีน 55%, อินเดีย 50%, รัสเซีย (คว่ำบาตร), ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, สิงคโปร์ 10%

สิงคโปร์ได้เปรียบใน high-precision parts, ไทย–มาเลเซียเสริมในระบบ transmission และ bearings

ปั๊มและคอมเพรสเซอร์ (HS 8413, 8414)

จีน, อินเดีย

ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์

จีน 15%, อินเดีย 17%, ไทย 15%, มาเลเซีย 16%, สิงคโปร์ 8%

จีน 55%, อินเดีย 50%, ไทย 19%, มาเลเซีย 19%, สิงคโปร์ 10%

สิงคโปร์และไทยได้ส่วนแบ่งใน industrial pumps และ air compressors

แหล่งที่มา: วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้กล่าวถึง สถานการณ์การขาดแคลนแรงงานชั่วคราวจากแรงงานกัมพูชากลับประเทศ สามารถแก้ไขได้ด้วยการให้ใบอนุญาตทำงานกับผู้ลี้ภัยตามค่ายอพยพต่างๆในไทย นอกจากเป็นการบรรเทาภาวะขาดแคลนแรงงานแล้ว ยังช่วยลดภาระงบประมาณของไทย อย่างไรก็ตาม ไทยจะยังเผชิญปัญหาการขาดแคลนในระยะยาวจากสังคมสูงวัย จึงต้องมีการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีใช้เทคโนโลยีเข้มข้นขึ้น พึ่งพาแรงงานน้อยลง รวมทั้งการขยายอายุเกษียณทั้งระบบ การประชุม กนง ในวันที่ 13 ส.ค. นี้ กนง ควรพิจารณาลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม เนื่องจาก เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำมากอย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาแรงกดดันเงินเฟ้อและปัญหาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนยังอ่อนแอ สินเชื่อชะลอตัว จำเป็นต้องกระตุ้นอุปสงค์ภายใน เพื่อประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจซบเซา

ความคิดเห็น


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page