ยืนยัน พื้นที่บ้านหนองจาน สระแก้ว เป็นของไทย 100% ในอดีตเคยให้เขมรเข้ามาหลบภัยสงคราม วันนี้ กลับรุกล้ำอธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาอย่าใช้ประชาชนของตนเองเป็นโล่มนุษย์
- Close Up Thailand
- 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก) เปิดเผยกรณี พื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เดิมเคยเป็นศูนย์อพยพให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบเข้ามาหลบพักพิงชั่วคราวในแผ่นดินไทย เวลาต่อมาชาวกัมพูชากลับขยายชุมชน รุกล้ำแผ่นดินไทยที่เคยให้การช่วยเหลือ ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 อย่างชัดเจน และฝ่ายไทยได้คัดค้านและประท้วงการกระทำดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดมา นอกจากนี้ รัฐบาลได้ยืนยันในประเด็นสำคัญ ดังนี้
.
1. ตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติตนเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพร้อมหารือข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตน เป็นกำแพงมนุษย์ เข้ามารุกล้ำในเขตแดนไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในชายแดน
.
2. ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยให้พื้นที่หลบภัยสงครามกับประชาชนชาวเขมรหลายแสนคน แต่กลับบิดเบือนความช่วยเหลือที่ไทยหยิบยื่นให้มาบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย สะท้อนถึงการขาดความจริงใจ เห็นถึงเจตนาร้ายในการรุกล้ำพื้นที่ของประเทศไทยอย่างชัดเจน
.
3. การติดตั้งแนวเขตลวดหนามบริเวณเขตแดนของไทยเป็นสิทธิในการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย และป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมเข้ามาอีก รวมถึงการลักลอบวางกับระเบิดจากฝ่ายกัมพูชา
.
ทั้งนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะละเว้นการสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกนอกเขตของทั้งสองประเทศ ซึ่งบริเวณดังกล่าวตามหลักเขตเป็นของประเทศไทย 100% รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมรักษาหลักมนุษยธรรม และพร้อมหารือข้อพิพาทผ่านช่องทางทางการทูตและกลไกที่มีอยู่ แต่จะไม่ยอมรับการรุกล้ำใด ๆ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศทุกประการ
.
Comentários