top of page

สนข. คลังสมองคมนาคมเพื่อประชาชน เดินหน้า Landbridge - ระบบตั๋วร่วม - ขยายสนามบินภาคใต้ สร้างการเดินทางไร้รอยต่อทั่วประเทศ

  • รูปภาพนักเขียน: Close Up Thailand
    Close Up Thailand
  • 10 ต.ค.
  • ยาว 2 นาที
ree

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ครบรอบ 23 ปี ณ อาคาร สนข. โดยมี นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

ree

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา สนข. ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่เปรียบเสมือน “คลังสมอง” ของกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่วางแผนยุทธศาสตร์และผลักดันโครงการสำคัญด้านการขนส่งและจราจรของประเทศ ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างความสะดวก ปลอดภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศควบคู่กับการวางรากฐานเพื่ออนาคต


โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ สนข. ทำหน้าที่บูรณาการแผนงานและมาตรการร่วมกับทุกหน่วยงานในสังกัด เพื่อเร่งดำเนินการในภารกิจที่มีความจำเป็นและสำคัญต่อการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในโอกาสครบรอบ 23 ปี สนข. ได้รับมอบนโยบายให้ดำเนินการตาม 5 ภารกิจเร่งด่วน ได้แก่


1) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ 2) การผลักดันร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาค 3) การเดินหน้าโครงการ Landbridge เชื่อมโยงอ่าวไทย - อันดามัน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์แห่งอนาคต 4) การพัฒนาระบบตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม (Common Ticketing System) เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ตั๋วเดียวเดินทางได้ทุกระบบขนส่ง และ 5) การบริหารจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าและช่วงเทศกาลเดินทางเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของประชาชน


“ผมขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อขับเคลื่อนระบบคมนาคมของประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าสร้างระบบคมนาคมที่ไร้รอยต่อ เพื่อให้ทุกการเดินทางของคนไทยสะดวก ปลอดภัย และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางของทุกนโยบาย” นายพิพัฒน์ กล่าว

ด้าน นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รอง ผอ.สนข. รักษาราชการแทน ผอ.สนข. กล่าวว่า สนข. จะเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย โดยมุ่งวางรากฐานระบบคมนาคมขนส่งของประเทศในอนาคตให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของรัฐบาล โดยเฉพาะการผลักดันโครงการ Landbridge ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ควบคู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายท่าอากาศยานชุมพรและระนอง เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาแผนเชื่อมต่อระบบขนส่งทุกโหมด ทั้งล้อ ราง และเรือ ให้เป็นระบบไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ สนข. ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาระบบโลจิสติกส์ทางรางและทางน้ำ เพื่อช่วยลดต้นทุนขนส่งในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลด้านคมนาคม เพื่อวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบทุนการศึกษา “คำรบลักขิ์ สุรัสวดี” ให้แก่บุตรข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สนข. ที่มีผลการเรียนดี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรที่ทุ่มเททำงานรับใช้ประเทศ พร้อมขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันสร้างผลงานให้ สนข. เป็นหน่วยงานต้นแบบด้านการวางแผนและพัฒนาระบบคมนาคมของประเทศ


ree

คมนาคมกับภารกิจ 3 ส่วนสำคัญ

เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับประชาชนทุกคน

.

การขับเคลื่อนระบบคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม ภายใต้นโยบายรัฐบาลซึ่งมุ่งยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน และวางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค

นี่คือก้าวต่อไปของกระทรวงคมนาคม ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาระแก่ประชาชน ให้คนไทยเดินทางได้สะดวกขึ้น ประหยัดขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยคำนึงถึงความรวดเร็วและเร่งดำเนินการให้สำเร็จ เป็นรูปธรรม แนวทางการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ครอบคลุมทั้ง “ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ” มุ่งเน้นการสร้างระบบการเดินทางที่เชื่อมโยงทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ลดต้นทุนการใช้ชีวิต และสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว โดยแบ่งแผนในการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วน สำคัญ ดังนี้

.

ส่วนที่ 1 : แก้ปัญหาเร่งด่วนลดภาระประชาชนทันที

โดยเริ่มทันทีคือขยายมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ครอบคลุมทั้งสายสีแดงและสายสีม่วงต่อเนื่องถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายการเดินทางประจำวันให้แก่ประชาชน พร้อมกันนี้ กระทรวงคมนาคมยังเข้มงวดตรวจสอบความปลอดภัยในทุกโครงการก่อสร้าง และยกระดับคุณภาพบริการทุกระบบการเดินทาง ทั้งบก ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ กระทรวงคมนาคมยังสั่งการให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่เฝ้าระวัง เร่งแก้ไขน้ำท่วมขัง เปิดเส้นทาง และกำจัดสิ่งกีดขวาง เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเผชิญความลำบากในการเดินทาง

.

ส่วนที่ 2 : เร่งโครงการใหญ่ (Quick Win)

ในปี 2569 ประชาชนจะได้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมจากหลายโครงการสำคัญ เช่น

การเปิดใช้ถนนพระราม 2 ระยะทางรวมกว่า 16 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยคลายปัญหารถติดบนเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ กำหนดเปิด 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ทางต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ภายในเดินตุลาคม 2568 และระยะที่ 2 เอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.3 กิโลเมตร จะเร่งเปิดใช้บริการก่อนเทศกาลสงกรานต์ ปี 2569 การเปิดใช้มอเตอร์เวย์ M81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) ในเดือนตุลาคม ปี 2568 และ M6 (บางปะอิน-โคราช) ในต้นปี 2569 รวมถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ที่จะเปิดประตูการค้าการลงทุนชายแดน การเดินหน้าและการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศไทยและ สปป. ลาว นอกจากนี้ ยังเร่งรัดผลักดันรถไฟทางคู่ ชุมพร-สุราษฎร์ฯ, สุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่ และหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ที่จะช่วยขนส่งคนและสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง และถนนแนวใหม่ไปสนามบินภูเก็ต เพื่อแก้รถติดและรองรับการท่องเที่ยว การนำรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) มาใช้แทนรถร้อน ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มคุณภาพบริการในเมืองใหญ่ ทุกโครงการถูกออกแบบเพื่อแก้ปัญหาที่ประชาชนเจอจริง และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน

.

ส่วนที่ 3 : วางรากฐานอนาคตประเทศไทย

นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและโครงการเร่งด่วน รัฐบาลยังเดินหน้าวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศ ได้แก่ โครงการ Landbridge ที่จะเชื่อมทะเลอันดามัน-อ่าวไทย ด้วยราง ถนน ท่อ และท่าเรือ เพื่อผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รถไฟสายใหม่และความเร็วสูง เช่น กรุงเทพฯ-โคราช, ขอนแก่น-หนองคาย, บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม, เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมการเดินทางทั่วภูมิภาค การเร่งขยายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งสายสีส้ม สีม่วง และต่อขยายสายสีแดง ทั้งฝั่งเหนือและตะวันตก เพื่อรองรับการเดินทางในเมืองใหญ่ การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเชียงใหม่ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารและการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง การสร้างสะพานเกาะลันตา และสะพานเชื่อมทะเลสาบสงขลา เพื่อย่นระยะเวลาเดินทางและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายคมนาคมให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยีและรูปแบบการเดินทางใหม่ ๆ ในอนาคต

.

“คมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”

นโยบายคมนาคมครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างถนน รถไฟ หรือสนามบิน แต่คือการสร้างอนาคตที่ประชาชนทุกคนสามารถเดินทางได้สะดวก ปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย และคุณภาพชีวิตดีขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังจะยืนหยัดอย่างแข็งแรงบนเวทีเศรษฐกิจโลก กระทรวงคมนาคมมุ่งมั่นให้ทุกโครงการที่ขับเคลื่อนจะต้องทำได้จริง และประชาชนต้องได้ประโยชน์จริง


 
 
 

ความคิดเห็น


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page