top of page

สร้างคน สร้างอนาคต : EEC ในสมรภูมิเศรษฐกิจโลกใหม่

  • รูปภาพนักเขียน: Close Up Thailand
    Close Up Thailand
  • 13 ส.ค.
  • ยาว 2 นาที
ree

(ดร. ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาแรงงาน)

ตั้งแต่ปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อม ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น

ภาคตะวันออกยังคงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมไทย โดยมีโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรม การลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเทคโนโลยี โดยทำให้พื้นที่นี้มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรมกว่า 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ

แต่ทว่า…จะทำอย่างไรให้พื้นที่ EEC สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน มีความพร้อมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่างมั่นคงและยั่งยืน

คำตอบสำคัญ คือ “ทุนมนุษย์” และการพัฒนากำลังคน เพราะการตัดสินใจลงทุน…มักอยู่บนพื้นฐานความพร้อมกำลังคนเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน แรงงานต้องมีทักษะที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill ในการทำงาน มีความรู้ความสามารถใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับงาน รวมทั้งความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ด้วยเหตุนี้มูลนิธิเสนาะ อูนากูล ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) โดยดร. ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ และเปิดตัวรายงานการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ภาคตะวันออก ปี พ.ศ. 2567 ในหัวข้อ “การพัฒนาคน เพื่อขับเคลื่อน EEC อย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนความก้าวหน้า และการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนใน EEC


EEC ยังไปไม่ได้ถ้าคนไม่พร้อม

“หากประเทศไทยต้องการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง จำเป็นต้องเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งแรงงานราคาถูกและการผลิตในห่วงโซ่ที่มีมูลค่าต่ำไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี”

เป็นหนึ่งใน Key message ของรายงานเล่มนี้ โดยใช้แนวคิด “Smiling Curve” หรือ เส้นโค้งแห่งรอยยิ้ม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้วิเคราะห์คุณค่าทางเศรษฐกิจในกระบวนการผลิตสินค้า มาใช้เพื่ออธิบายว่าประเทศต้องมุ่งพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัย พัฒนา การออกแบบ และการบริการหลังการขาย ที่เป็นปลายด้านของห่วงโซ่มูลค่า เพื่อหลุดพ้นจากการเป็นเพียง “ฐานการผลิต” แบบเดิม

ในปี พ.ศ. 2564–2568 พื้นที่ EEC มีการคาดการณ์ความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลายแสนคน ถึงแม้จะมีการเติบโตของแรงงานที่มีระดับการศึกษาและทักษะที่สูงขึ้น แต่ยังคงเผชิญปัญหาทักษะแรงงานไม่ตรงกับความต้องการ ขาดแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะในสาขา STEM และทักษะ Non-STEM เช่น ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการสื่อสาร รวมทั้งการวางแผนพัฒนาคนไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก

อีกทั้งยังมีความท้าทายที่ประเทศไทยและ EEC กำลังเผชิญปัญหาโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อัตราการเกิดลดลง และแรงงานวัยทำงานมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ความต้องการแรงงานทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับระบบการศึกษา และฝึกอบรมอาชีพให้ยืดหยุ่น มีความเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น  เน้นการผลิตหรือการจัดหาตามความต้องการของลูกค้าหรือตลาดเป็นหลัก

การพัฒนากำลังคนใน EEC ต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และภาครัฐเพื่อให้เกิดการปรับตัวและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานมีบทบาทหลักในเรื่องนี้ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ที่จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ ภาคเอกชน ในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคน และพัฒนารูปแบบความร่วมมือแบบ Triple Helix ที่เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษาเข้าด้วยกัน เพื่อให้การผลิตกำลังคนตอบโจทย์เศรษฐกิจอนาคตและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกันประเทศไทยจำเป็นต้องปรับทั้งวิธีคิด และวิธีสร้างทักษะใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมที่สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์กลาง ไปสู่ Industrial-Centered Model ที่ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทร่วมในการกำหนดเนื้อหาและเป้าหมายการเรียนรู้ร่วมกับสถาบันการศึกษา โดยให้ระบบการศึกษาจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากศูนย์กลาง มาเป็นพันธมิตร ของภาคอุตสาหกรรม พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชนมีบทบาทหลักในการกำหนดความต้องการทักษะอย่างแท้จริง


5 ข้อเสนอสร้างคน รับมือเกมเศรษฐกิจใหม่

1.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีบทบาทสำคัญในฐานะกลไกกลางที่ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่มใหม่ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ การแพทย์ครบวงจร ดิจิทัล BCG และการท่องเที่ยวและบริการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนากำลังคนที่สอดรับกับความต้องการของเศรษฐกิจอนาคต เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

2. แก้ปัญหาการศึกษาไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน (Education–Employment Mismatch) ด้วย ทดลองพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่ไม่ติดข้อจำกัดของมาตรฐานเดิม (Higher Education Sandbox) เพื่อลดปัญหา ความไม่สอดคล้องของแรงงานใน EEC ผ่านหลักสูตรที่ยืดหยุ่น เชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม และเน้นทักษะ เช่น การเรียนรู้ตามสมรรถนะแบบเร่งรัด หลักสูตรระยะนั้นที่เฉพาะทางสำหรับ Upskill และReskill ควรส่งเสริมหลักสูตรที่ออกแบบและพัฒนาร่วมกับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานแบบเรียลไทม์ พร้อมให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่ร่วมพัฒนาหลักสูตร และสนับสนุนอาชีวะในสาขาขาดแคลน

3. การพัฒนากำลังคนตามฉากทัศน์ของอนาคต ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับทั้ง “วิธีคิด” และ “วิธีสร้างทักษะ” ใหม่ทั้งหมด เพื่อผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างแท้จริง กำลังคนในอนาคตต้องมีคุณสมบัติหลักคือ ยืดหยุ่น เร็ว และลึก เน้นการเตรียมแรงงานสำหรับทักษะขั้นสูงที่จำเป็นต่อการสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยใช้ EEC เป็นพื้นที่นำร่องการปฏิรูประบบกำลังคน ผ่านกลไกงบประมาณแข่งขันตามผลลัพธ์และความร่วมมือหลายภาคส่วน

4. แนวคิด Global Citizen การพัฒนาแรงงานไทยให้มีสมรรถนะในฐานะ “พลเมืองโลก” (Global Citizen) และทักษะด้าน STEM ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน ส่งเสริมให้คนไทยมีทักษะระดับนานาชาติ ทั้งด้านภาษา การสื่อสาร และ Soft Skills เพื่อสามารถทำงานหรือแข่งขันในเวทีโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสากล ควรเน้นการจัดตั้งศูนย์ฝึกทักษะสากล (Global Skills Training Centers: GSTC) การบรรจุ Global Skill Module ในหลักสูตร การเปิดโอกาสฝึกงานต่างประเทศ และการพัฒนาอาจารย์ให้มี Global Competency ควบคู่กับการใช้ EEC เป็น Sandbox ด้าน Global Talent

5. EEC Talent and Innovation Ecosystem มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดึงดูดและพัฒนาบุคลากรคุณภาพและนวัตกรรมในพื้นที่ EEC โดยผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ออกแบบมาตรการจูงใจจัดตั้งระบบนิเวศเพื่อดึงดูด Talent IDE Tech Enterprises และ Startup เข้าสู่ EEC โดยบูรณาการ Sandbox เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและสวัสดิการเพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูง สนับสนุนการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว เศรษฐกิจผันผวน และเทคโนโลยีรุดหน้า การพัฒนาคนไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่คือหัวใจของการแข่งขันระยะยาว และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน EEC ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด

"นายกหนู"แจ้งข่าวคุยกับ"ปธน.ทรัมป์"ของสหรัฐสัญญาณออกมาดี

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยการเจรจาภาษีสหรัฐฯ มีสัญญาณดี หลังพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 ก่อนการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค(30 ตค68)

 
 
 

ความคิดเห็น


ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page