อาทิตย์วิเคราะห์!"ประเทศไทยกับเดิมพันใหญ่ฉากทัศน์ท่ามกลาง Law of the Jungle"มองผ่านมุม ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์
- Close Up Thailand
- 20 ก.ค.
- ยาว 2 นาที

โลกวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่เร็วขึ้น แต่ซับซ้อนและผันผวนมากขึ้นกว่าที่เคย และความท้าทายใหญ่ที่เราเผชิญไม่ได้อยู่แค่ใน “ประเทศไทย” แต่เชื่อมโยงกับพลวัตระดับโลกที่กำลังเคลื่อนอยู่ในสามวงหลัก ๆ หรือ 3 Challenging Spheres ที่ทับซ้อนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. Bio‑physical Sphere : ความไร้สมดุลมนุษย์กับธรรมชาติ
เรากำลังเผชิญวิกฤติภูมิอากาศ ความขัดแย้งแย่งชิงทรัพยากร และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่บางประเทศเลือกแก้ด้วยวิธี “ส่งต่อภาระ”
• โรงงานบางแห่งย้ายไปประเทศที่กติกาสิ่งแวดล้อมต่ำกว่า (Export Pollution)
• การแย่งชิง Rare Earth Minerals ในแอฟริกาและเอเชีย
• เกษตรเชิงเดี่ยวที่สร้างผลตอบแทนเร็วแต่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ
ตัวอย่างที่เป็น Tech‑Moral Society จริง ๆ:
EU Green Deal และ CBAM ใช้กติกาการค้าให้โลกต้องปรับตัวตามมาตรฐานคาร์บอน
Costa Rica ที่เลือกพัฒนาแบบ “ประเทศสีเขียว” กลายเป็นแบรนด์ดึงดูดการลงทุนและการท่องเที่ยวคุณภาพสูง
บทเรียน:
เราสามารถใช้มาตรฐานการค้าและ Soft Power ของความยั่งยืน “บังคับ” โลกให้ขยับตามเราได้
2. Geopolitical Sphere : ความไร้สมดุลมนุษย์กับมนุษย์
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้อยู่แค่ในสนามรบอีกต่อไป แต่เป็น Hybrid War
• รัสเซีย–ยูเครน/ อิสราเอล-อิหร่าน สู้กันทั้งในสนามรบและในโลกไซเบอร์
• สหรัฐ–จีนแข่งกันในเทคโนโลยีขั้นสูง ตั้งแต่ Semiconductor จนถึง AI
• การคว่ำบาตรกลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ
ตัวอย่าง Tech‑Moral Society ท่ามกลางความขัดแย้ง:
ประเทศกลุ่ม Nordic สร้าง Digital Democracy และ Cyber‑Resilience แม้เผชิญภัยคุกคาม
Taiwan สร้าง Public‑Private Collaboration รับมือ Grey Zone Conflict
South Korea ออก AI Ethics Guideline เพื่อสร้าง Narrative ว่า “เราแข่งขันด้วยคุณค่า”
บทเรียน:
Tech‑Moral Society ไม่ใช่การอ่อนแอ แต่คือ “ความแกร่งแบบมีหลักการ”
ต้องลงทุนใน Ethical Defense Tech และ Information Integrity เพื่อยืนหยัดในโลกที่ขัดแย้ง
3. Socio‑Technological Sphere : ความไร้สมดุลมนุษย์กับเทคโนโลยี
การแข่งขันพัฒนา AI และเทคโนโลยีขั้นสูง กำลังนำโลกไปสู่ภาวะที่บางคนเรียกว่า “AI Hegemony”
• Big Tech ใช้ข้อมูลจากประเทศกำลังพัฒนาโดยไม่โปร่งใส
• AI Arms Race ทำให้เกิดอาวุธอัตโนมัติไร้กรอบจริยธรรม
• Deepfake และ Cognitive Warfare บ่อนทำลายความไว้วางใจของผู้คน
ตัวอย่าง Tech‑Moral Society ในมิตินี้:
EU AI Act วางมาตรฐาน AI ระดับโลก แม้ถูกมองว่าทำให้นวัตกรรมช้าลง
Canada & Singapore สร้าง AI Ethics Certification ให้บริษัท
Ukraine ใช้ AI ในสงครามแต่ยังมี Oversight ไม่ให้ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม
บทเรียน:
การป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีครอบงำ ต้องสร้าง Ethics‑by‑Design Infrastructure และเป็นผู้กำหนดมาตรฐานก่อนใคร
ถ้าโลกภายนอกยังอยู่ใน “Law of the Jungle” ?
คำถามสำคัญคือ… แล้วถ้าโลกภายนอกไม่เดินตามแนวทาง Tech‑Moral Society ด้วยล่ะ? คำตอบอยู่ที่การคิดแบบ Scenario Planning และการวางแผนแบบ “Strategic Pragmatism”
Scenario A : โลกแข่งกันแบบใครแกร่งกว่าชนะ
Tech‑Moral อาจดูอ่อนแอในระยะสั้น
Dual Strategy: แข็งแกร่งด้าน Defense Tech พร้อมขับเคลื่อน Moral Standard และใช้ Soft Power บังคับตลาด
Scenario B : Hybrid War และ Tech War ขยายวง
ความเสี่ยงสูง ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน
สร้าง Data Sovereignty, Cybersecurity Ecosystem, Friend‑Shoring
Scenario C : AI Hegemony ครอบงำโลก
ถ้าไม่พัฒนาเองจะถูก Dictate
ลงทุนใน Frontier AI + Moral Framework และสร้างพันธมิตรภูมิภาค
✧ บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์สำหรับไทย
แม้โลกภายนอกยังเป็นแบบ Law of the Jungle หรือ Hybrid War
ประเทศที่กล้าลุกขึ้นสร้าง Tech‑Moral Society จะได้ First‑Mover Advantage ทางจริยธรรม
ระยะสั้น: อาจแลกกับ Efficiency บางส่วน
ระยะยาว: กลายเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ที่โลกต้องตาม
เพราะวิกฤติในทั้ง 3 Spheres ไม่มีใครหลบเลี่ยงได้
ดังนั้น ไทยต้อง:
สร้างนวัตกรรมที่ผสาน Technological Capability + Moral Responsibility
ลงทุนใน Resilience และ Ethical Tech เพื่อยืนหยัดได้แม้ใน Worst‑Case Scenario
ใช้ Soft Power และกติกาการค้า ผลักดันให้โลกหันมาสนใจมาตรฐานที่เรายึดถือ
นี่ไม่ใช่แค่การสร้างสังคมที่ดีกว่า แต่คือยุทธศาสตร์เพื่อให้ไทยอยู่รอด และโดดเด่นในโลกใหม่ที่ผันผวน Tech‑Moral Society คือคำตอบที่ Pragmatic และ Visionary ไปพร้อมกัน
หมายเหตุ บทความที่ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee อดีตรมว.อว. ได้เผยแพร่ผ่านทางเพจ ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee
CLOSE-UP THAILAND แลว่ามีประโยชน์จึงนำมาเผยแพร่ต่อ







.png)
ความคิดเห็น