อาทิตย์วิเคราะห์!"ประเทศไทยเมื่อโลกหมุนกลับทิศ"จะปรับตัวอย่างไร? ผ่านมุม"ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์"
- Close Up Thailand
- 20 ก.ค.
- ยาว 2 นาที

ในห้วงเวลาที่โลกเคยเดินหน้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวด้วยกระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) และเสรีนิยมใหม่ (Neoliberalism) วันนี้ทิศทางของโลกกลับผันแปรสวนทางอย่างสิ้นเชิง ภูมิทัศน์ใหม่ทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-politics) ภูมิเศรษฐศาสตร์ (Geo-economics) และยุทธศาสตร์โลก (Geo-strategics) กำลังก่อร่างขึ้นบนซากปรักของระเบียบโลกเดิม
1. การปรากฏขึ้นของสงครามเย็นครั้งที่สอง (Second Cold War)
หลังสงครามเย็นครั้งแรกจบลงด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โลกดูเหมือนจะเข้าสู่ยุคสันติภาพที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ (Unipolar World) แต่ความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 กลับนำโลกกลับสู่จุดเดิมในบริบทใหม่:
• สหรัฐฯ vs จีน: ไม่ใช่แค่สงครามเทคโนโลยีหรือการค้า แต่เป็นการต่อสู้แย่งชิง “อำนาจนำทางอารยธรรม” และ “โมเดลการพัฒนา”
• ยุโรป vs รัสเซีย: ความขัดแย้งในยูเครนคือสนามรบแห่งอุดมการณ์และพลังงาน
• โลกเสรีนิยม vs โลกอำนาจนิยม: ไม่ใช่การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นการปะทะของระบอบคิดที่ต่างกันอย่างรากลึก
2. โลกหลายขั้ว (Multipolar World): การสิ้นสุดของระเบียบโลกตะวันตก
โลกไม่ใช่เวทีของขั้วอำนาจเดี่ยวหรือสองขั้วอีกต่อไป แต่กระจัดกระจายเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่หลายแห่ง:
• จีน: ผงาดขึ้นในฐานะ “อภิมหาอำนาจเศรษฐกิจ” และผู้นำเทคโนโลยีบางสาขา
• อินเดีย: ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการเติบโตแห่งเอเชียใต้
• ตะวันออกกลาง (Middle East): ใช้พลังงานและเงินทุนในการสร้างอิทธิพลใหม่
• อาเซียน: กลายเป็นสมรภูมิแย่งชิงความสัมพันธ์และ Supply Chain
• แอฟริกาและลาตินอเมริกา: เริ่มทวงคืนความสำคัญในฐานะตลาดเกิดใหม่และแหล่งทรัพยากรสำคัญ
3. การผงาดขึ้นของขบวนการขวาจัด (Right-Wing Populism): ปรากฏการณ์ที่ถาโถมโลกตะวันตก
ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและความกลัวในยุคโลกาภิวัตน์ ประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมากหันไปหาอุดมการณ์ขวาจัดและชาตินิยม:
• สหรัฐฯ: การกลับมาของ Trump 2.0 และ MAGA movement
• ยุโรป: ขวาจัดในฝรั่งเศส อิตาลี ฮังการี และเยอรมนี กำลังแข็งแกร่งขึ้น
• ละตินอเมริกาและเอเชีย: Populism ในรูปแบบชาตินิยมใหม่ (Neo-Nationalism) กำลังแพร่กระจาย
4. การหวนกลับของลัทธิกีดกันทางการค้า (Return of Protectionism)
จากการที่ Supply Chain โลกถูกทำลายโดยวิกฤตโควิด-19 และสงครามทางเศรษฐกิจ:
• ประเทศต่าง ๆ หันกลับมาปกป้องอุตสาหกรรมภายใน
• มาตรการกีดกันทางการค้า (Tariffs, Export Control) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• เกิดปรากฏการณ์ Friend-shoring, Near-shoring, และ On-shoring เพื่อลดการพึ่งพาต่างประเทศ
5. การกลับมาของการล่าอาณานิคมอย่างเปิดเผย (Overt Colonization)
การแทรกแซงของมหาอำนาจในประเทศเล็ก ผ่าน:
• ฐานทัพ / ข้อตกลงทางทหาร: เช่น AUKUS, QUAD, BRI Security
• การครอบงำทางเศรษฐกิจ: Debt Trap, Tech Dependence, Energy Dominance
• การแทรกแซงทางข้อมูล: Disinformation War, Cyber Attack, Data Colonization
สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างจากการล่าอาณานิคมยุคใหม่ที่เปลี่ยนวิธีแต่ไม่เปลี่ยนเจตนา
6. โลกาภิวัตน์ถอยหลัง (Deglobalization): จาก One World → Fragmented World
• การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศชะลอตัว
• Value chain กระจัดกระจาย ลดความเชื่อมโยงข้ามทวีป
• การเคลื่อนย้ายผู้คน เงินทุน และข้อมูลถูกควบคุมมากขึ้น
7. รุ่งอรุณแห่งอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน (The Dawn of China Economic Dominance)
แม้จีนจะเผชิญกับปัญหาภายใน แต่ในเวทีโลก จีนกำลังก้าวขึ้นเป็น:
• ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI, EV, Renewable Energy
• ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในโครงสร้างพื้นฐานโลก (BRI)
• ตลาดบริโภคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับหลายอุตสาหกรรม
• ผู้ออกแบบมาตรฐานเทคโนโลยีและเศรษฐกิจใหม่ (China Standards 2035)
บทสรุป: โลกที่ไม่เหมือนเดิม
เรากำลังอยู่ในโลกที่
• ความร่วมมือกลายเป็นความขัดแย้ง
• ความเป็นหนึ่งเดียวกลายเป็นการแยกขั้ว
• ความโปร่งใสกลายเป็นความไม่ไว้ใจกัน
• และระเบียบโลกแบบเสรีนิยมตะวันตกกำลังสั่นคลอนอย่างรุนแรง
ประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย ต้อง “อ่านเกมให้ขาด” ว่า
• จะอยู่รอดอย่างไรในโลกที่ไม่มีขั้วเดียวคุ้มครอง
• จะสร้างความร่วมมือข้ามขั้วอย่างไรในโลกที่เต็มไปด้วยรั้วกั้น
• และจะยืนหยัดในฐานะ “ผู้กำหนดทิศทาง” ไม่ใช่ “ผู้ถูกกำหนดทิศ”
~ผลกระทบโดยรวมต่อประเทศไทย
(1) ประเทศไทยในสมรภูมิใหม่ของมหาอำนาจ
• เสี่ยงถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้ง ระหว่างจีน-สหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้าน Supply Chain, ความมั่นคง, และเทคโนโลยี
• ความเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์ถูกท้าทาย ไทยต้องเลือกบาลานซ์ระหว่าง “Neutral” กับ “Engaged”
• ASEAN กำลังแตกเป็นหลายขั้ว ไทยจึงต้องเล่นบทผู้นำ (Balancing Leadership) มากขึ้น
(2) ความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก
• Global Trade ชะลอตัว: ส่งผลต่อการส่งออก, Supply Chain, FDI
• การเปลี่ยนแปลงของแหล่งเงินทุนและตลาดท่องเที่ยว: จากยุโรป/สหรัฐฯ → ตะวันออกกลาง, เอเชียใต้, CLMV
• ความผันผวนของราคาพลังงานและต้นทุน Logistic สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(3) ความไม่มั่นคงทางเทคโนโลยีและข้อมูล
• ไทยอยู่ระหว่าง Crossfire ของ Cyber War, Data Regulation และมาตรฐานเทคโนโลยีจากขั้วต่าง ๆ
~ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
(1) ตลาดเดิมชะลอตัว
• นักท่องเที่ยวยุโรป/สหรัฐฯ ลดลงเพราะปัจจัยเศรษฐกิจและความไม่มั่นคง
• ความขัดแย้งระหว่างประเทศทำให้การเดินทางบางเส้นทางมีความเสี่ยง
• การเพิ่มขึ้นของ Visa Restriction และมาตรการคว่ำบาตร (Sanction) ส่งผลต่อการเดินทางของบางประเทศ เช่น รัสเซีย, จีนในบางกรณี
(2) ตลาดใหม่เปิดโอกาส
• นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง, อินเดีย, Central Asia มีศักยภาพสูงขึ้น
• ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ “เป็นกลาง” และ “ปลอดภัย” ในสายตาโลก → ยังเป็นตัวเลือกที่ Attractive
• Wellness Tourism, Medical Tourism, และ Spiritual Tourism ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ของคนในยุค Geopolitical Anxiety
(3) Tourism Dynamics เปลี่ยนไป
• คนเดินทางเพื่อ Business/ MICE/ Investment มากขึ้นกว่าการท่องเที่ยว leisure อย่างเดียว
• Short-haul Travel (อาเซียน, จีนตอนใต้, เอเชียใต้) เพิ่มขึ้น แทนที่ Long-haul Travel จากยุโรป-อเมริกา
~ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม MICE ไทย
(1) ความไม่แน่นอนของงานระดับโลก
• Global Conference / Summit ลดลงในไทย เพราะผู้เล่นหลักไม่ต้องการจัดงานในประเทศที่ใกล้ Conflict Zone
• Event ขนาดใหญ่ที่ต้องการผู้เข้าร่วมจากหลายขั้วอำนาจ (China, US, EU, Russia, Middle East) ถูกลดทอน
(2) โอกาสจากงานระดับภูมิภาค
• MICE ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางงาน ASEAN+3, Indo-Pacific, BIMSTEC, CLMV หรือ Sub-Regional Level
• ไทยเป็น Neutral Venue สำหรับ Business Matching ที่ขั้วอำนาจไม่ต้องการจัดในจีน/สิงคโปร์/ฮ่องกง/อเมริกา
(3) ความต้องการ Hybrid MICE เพิ่มขึ้น
• งาน Virtual/Hybrid เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง Geopolitical & Travel Restriction
• ความปลอดภัยทาง Cyber, ข้อมูล และสุขภาพกลายเป็น Selling Point ใหม่
(4) ความเสี่ยงใหม่
• ความผันผวนของ Travel Cost, Currency และ Logistic ทำให้ต้นทุนจัดงานสูงขึ้น
• นักเดินทางเพื่อ MICE อาจถูกจำกัดการเดินทางด้วยเหตุผลทางการเมือง เช่น Sanction List, Travel Ban
สรุป
• ระดับประเทศ
ความเสี่ยง Geopolitical เพิ่มขึ้น → ต้องวางบทบาท “ผู้นำอาเซียน” ที่สมดุล
• อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ตลาดเดิมเสื่อมถอย ตลาดใหม่เกิดขึ้นไทยต้อง Repositioning ตัวเองเป็น Safe Haven Tourism
• อุตสาหกรรม MICE
จาก Global MICE Hub → Regional MICE Hub, Hybrid Event และความเป็นกลางทาง Geopolitics เป็น Key Advantage
~ แนวทางการรับมือของอุตสาหกรรม MICE
• สร้าง regional brand : ใช้ TCEB ผลักดัน Thai MICE Neutral Hub
• ขยายตลาด MICE ไปยัง Middle East, South Asia, CLMV: เจรจาเปิด Visa / Travel Agreement กับตลาดใหม่
• ลงทุน Hybrid MICE Technology : สร้างโครงสร้างพื้นฐาน Digital MICE และ Cyber Security
หมายเหตุ บทความที่ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee อดีตรมว.อว. ได้เผยแพร่ผ่านทางเพจ ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee
CLOSE-UP THAILAND แลว่ามีประโยชน์จึงนำมาเผยแพร่ต่อ







.png)
ความคิดเห็น