เปิดมติครม.นักแรก"รัฐบาลหนู1" เห็นชอบและขยายเวลารถไฟฟ้า20บาท2เดือนและโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ 2 เดือน
- Close Up Thailand
- 1 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 จำนวน 850 บาทต่อคนต่อเดือน รวม 1,700 บาทต่อคน

วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 18.40 น. ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 406 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 1/2568 โดยที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กระทรวงการคลังเสนอ โครงการเพิ่มวงเงินฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพ และจัดประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติมเป็นการชั่วคราวให้แก่ผู้มีบัตรฯ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จำนวน 13.4 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางสูงและได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยจะเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีบัตรฯ รวมถึงช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2568 ส่งผลให้เกิดการบริโภค การผลิต และการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นลูกโซ่ ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมกลุ่มเป้าหมาย – ผู้มีบัตรฯ ตามฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 กันยายน 2568 จำนวนไม่เกิน 13.4 ล้านคน ทั้งนี้ กรณีที่รัฐบาลจะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ควรพิจารณาดำเนินการโดยไม่รวมผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิในโครงการเพิ่มวงเงินฯ ข้างต้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมายวิธีดำเนินการ – กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ช่วยเหลือผู้มีบัตรฯ ผ่านวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยผู้มีบัตรฯ จะได้รับวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 850 บาทต่อคนต่อเดือน (โดยเพิ่มเติมจากวงเงินที่ได้รับเดิมจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน) เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 1,700 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการระยะเวลาดำเนินการ – 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568งบประมาณ – ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 22,780 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำหรับกองทุนฯ โครงการเพิ่มวงเงินฯ โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 22,780 ล้านบาท จะทำให้ผู้มีบัตรฯ มีวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสวัสดิการที่ผู้มีบัตรฯ พึงพอใจและมีการใช้ประโยชน์เกือบเต็มวงเงิน โดยการเพิ่มวงเงินดังกล่าวจะทำให้ผู้มีบัตรฯ มีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และเป็นการเพิ่มยอดขายกับร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่นๆ ที่ผู้มีบัตรฯ ไปใช้จ่าย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศโดยรวม ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินโครงการเพิ่มวงเงินฯ จะส่งผลให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07-0.08 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ และเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้มีบัตรฯ

(รายละเอียดมิตครม.)-ขยายเวลารถไฟฟ้า20บาท2สาย
8. เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสายตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดงสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอดังนี้
1. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) โดยทบทวนมติดังกล่าว ซึ่งระบุว่า “ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสาร สูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากเดิมสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เป็นสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 กันยายน 2568” ให้ดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามกรอบเวลาสิ้นสุดมาตรการถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้คราวนั้น
2. การดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) เมื่อร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติตั๋วร่วมพ.ศ. .... ประกาศใช้เพื่อรองรับการดำเนินงานที่เหมาะสมและชัดเจนแล้ว ให้กระทรวงคมนาคมรวบรวมข้อมูล ทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
3. ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐ และคำนึ่งถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เป็นต้นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสำคัญที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้กับพี่น้องคนไทย โดยในด้านเศรษฐกิจ จะสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยขณะนี้กรมการขนส่งทางรางและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรอยู่ระหว่างเร่งผลักดันกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติตั๋วร่วม พ.ศ. .... ประกาศใช้โดยเร็วเพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินมาตรการลดค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนทางรางให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้กระทรวงคมนาคมเห็นควรให้มีการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน








.png)
ความคิดเห็น