top of page

"เศรษฐา"ย้ำต่อหน้านายอำเภอ-ผกก.ทั่วประเทศ"ไม่ได้เชิญมากระชับอำนาจ!!!เชิญมาทำหน้าที่แก้ทุกข์!

"กำลังชวนทุกท่านได้แบ่งเวลาส่วนหนึ่งเพื่อทำหน้าที่แก้ทุกข์ให้กับผู้ที่กำลังเดือดร้อน -ตามคำขวัญบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และพิทักษ์สันติราษฎร์"


การเมือง

นายกฯ มอบนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับฯ ทั่วประเทศ ย้ำเป็นภารกิจที่ยาก ขอให้ร่วมมือช่วยกันกำจัด “การค้าทาสยุคใหม่”(คลิกฟังเสียง)

(8 ธันวาคม 2566) ณ ห้องรอยัลจูบิลี บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รวมไปถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้ไม่ได้เชิญทุกท่านมากระชับอำนาจให้ แต่มาขอแรงจากทุกท่านทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน มาช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่หมดไปจากประเทศไทยด้วยกัน ซึ่งพี่น้องเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากมีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิตเพราะมีหนี้สินจองจำพวกเขาอยู่ พวกท่านในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เชื่อมั่นว่าพวกท่านสามารถช่วยพี่น้องประชาชนให้มีอิสรภาพ ต่อชีวิต สร้างขวัญและกำลังใจให้ได้ ซึ่งในฐานะนายกฯ จำเป็นต้องขอพึ่งพาความรู้ความสามารถของพวกท่าน ช่วยให้พี่น้องประชาชนเป็นอิสระ หลุดพ้นพันธนาการจากหนี้นอกระบบนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ที่พวกเราทุกคนจะต้องมาร่วมแรงร่วมใจกัน แก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม การทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคามขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้าย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสงบเรียบร้อยของสังคม

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ได้แถลงนโยบายที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 และ ครม.ก็ได้มีคำสั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระหว่างที่ไป ครม. สัญจร สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการ ขับเคลื่อน และประสานงานร่วมกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยในวันนี้ มีผู้บริหารระดับสูงและผู้นำหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนทั่วประเทศมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ จึงอยากให้ทุกท่านได้รับรู้ และทำความเข้าใจที่ตรงกันว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น เป็นวาระสำคัญของชาติจริง ๆ นี่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ของตนเอง หรือของหน่วยงานท่าน แต่นี่คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ให้สามารถฟื้นกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง และมีรอยยิ้มได้โดยทั่วกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกระบวนการเกี่ยวกับการร้องเรียน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด ที่ประชาชนจะเข้ามาสัมผัส มาเล่าให้ฟังถึงความเดือดร้อน วันนี้เราทำต่างจากที่เคยทำมาในอดีต ขอให้บูรณาการช่องทางให้หลากหลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนเลือกเข้าไปในช่องทางที่พวกเขารู้สึกสะดวก ปลอดภัย โดยช่องทางแรก กระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบผ่านศูนย์ดำรงธรรม ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ รวมถึงเบอร์ติดต่อ 1567 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ถึงวันนี้มีลูกหนี้ที่มาลงทะเบียนแล้วกว่า 71,000 คน รวมยอดมูลหนี้นอกระบบกว่า 3,500 ล้านบาท นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สายด่วน 1599 และประชาชนก็สามารถเข้าไปที่โรงพักใกล้บ้านเพื่อแจ้งเหตุได้ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สายด่วน 1111 ที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนความเดือดร้อนปัญหาหนี้นอกระบบได้ โดยเมื่อรับเรื่องร้องเรียนแล้ว ข้อมูลของประชาชนจะมีการประสานเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากทุกช่องทางเข้ามาด้วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ได้รับการดูแลไม่ให้ตกหล่น และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ประชาชนที่ลงทะเบียนก็จะได้รับเลข Reference Number ในทุก ๆ กรณี เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าหรือสถานการณ์การดำเนินการที่ได้ร้องเรียนไว้บนเว็บไซต์ของภาครัฐได้ตลอดเวลา

นายกรัฐมนตรีย้ำขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นกระบอกเสียง ช่วยกันสื่อสาร เชื้อเชิญให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนเข้ามาลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อค เว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ หรือเจ้าหนี้นอกระบบในรูปแบบอื่น ๆ ทุกการสื่อสารของพวกท่าน ล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขหนี้นอกระบบประสบผลสำเร็จ หลังจากที่เรื่องร้องเรียนเข้ามาในระบบแล้ว ส่วนกลางจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดประเภทเรื่องที่ร้องเรียน ก่อนส่งไปให้ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการต่อ ซึ่งถ้าพบว่ามีกรณีที่องค์ประกอบความผิดครบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานอัยการสามารถดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที ย้ำว่าถ้าองค์ประกอบความผิดครบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แต่เชื่อว่าในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ยังพร้อมที่จะประนีประนอมกันได้ ก็ขอให้เชิญเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้เข้ามาร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธี และถูกต้องตามกฎหมาย จัดทำเป็นสัญญาประนีประนอมต่อกัน ตามแบบฟอร์มที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมไว้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และงวดผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสมกับศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งตนเองเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีทั้งกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่รับเรื่อง รัฐบาลจะมีการติดตามผล โดยสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำการติดต่อติดตามผล เพื่อดูว่าทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำไว้ได้หรือไม่ หากยังพบปัญหาไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาฉบับใหม่ได้ ก็จะขอเชิญเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้ามาร่วมกันแก้ไขข้อตกลงให้เหมาะสมกันอีกครั้ง หรือถ้าในภายหลัง พบว่ายังมีการข่มขู่ หรือเจ้าหนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาไกล่เกลี่ยฯ จนเป็นเหตุให้ลูกหนี้เดือดร้อน พนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ในการใช้สิทธิอื่น ๆ ตามกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ แต่ขอย้ำว่าเป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ ร่วมกันสมัครใจเข้ามาเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยรัฐยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งในชั้นการไกล่เกลี่ย การให้คำแนะนำ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินของรัฐ เข้าใจดีว่าในหลายครั้ง ลูกหนี้ตั้งใจที่จะฟื้นฟูศักยภาพ และต้องการช่องทาง แหล่งเงินอื่น ๆ นอกเหนือจากเจ้าหนี้ที่กล่าวไป “กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามโครงการที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งขั้นตอนที่ผมกล่าวไปทั้งหมดมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นทาสหนี้นอกระบบ ขอให้ทุกท่านศึกษาและทำความเข้าใจกระบวนการปฏิบัติงานซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการทำงานให้ถ่องแท้ ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนตั้งแต่การรับเรื่อง การช่วยเหลือ การไกล่เกลี่ย การบังคับทางกฎหมาย และอื่นๆ รวมทั้งขอให้ทั้งเจ้าหน้าที่มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ร่วมกันศึกษาในรายละเอียดของกันและกัน ให้เข้าใจถึงความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานไม่ซ้ำซ้อน บูรณาการได้จากทุกฝ่าย” นายกรัฐมนตรีกล่าว นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน ที่อำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร จึงขอให้ทุกท่านทำงานร่วมกัน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือกระทรวงการคลัง ให้ใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามที่ถืออยู่ตามกฎหมาย ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะที่ท่านก็สามารถปฏิบัติราชการได้อย่างสบายใจ ซึ่งขั้นตอนที่กล่าวไปนั้น เป็นขั้นตอนมาตรฐานที่ตนเองมั่นใจว่าทุกท่านในที่นี้ มีความสามารถที่จะปฏิบัติตามได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในส่วนที่สำคัญและอยากจะลงรายละเอียดให้มากขึ้นคือ ขั้นตอนที่เข้าใจว่าในทางปฏิบัติมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ การไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาท ซึ่งขั้นตอนนี้ เป็นทั้งศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การคิดดอกเบี้ยหนี้สิน และเป็นทั้งศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ปัญหาที่ท่านอาจจะพบ คือการที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย อาจจะต้องออกไปพบ ไปพูดคุย เชิญชวน ซึ่งเป็นมาตรการที่ตนเรียกว่าไม้อ่อน เพื่อให้พวกเขาสมัครใจเข้ามาสู่กระบวนการ และในหลาย ๆ ครั้ง เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการบังคับ ซึ่งเป็นไม้แข็ง ในการนำเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เข้าสู่ระบบ นายกรัฐมนตรีย้ำอีกว่า ขอให้ทุกคนไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ไม่หยุดช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในกรณีที่พวกเขาไม่ยอมสมัครใจเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งตนเองขอมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ที่มีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนนานาชนิด ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าปล่อยผ่าน ทุกคนต้องต้องนำความรู้ด้านการทำสัญญาประนีประนอม ที่ต้องระบุรายละเอียดเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้ชัดเจน กำหนดมูลหนี้ การคิดอัตราดอกเบี้ย การยกเลิกเพิกถอนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเงื่อนไขอื่น ๆ ในการบังคับคดีหรือสิทธิในทางศาลได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ขอฝากให้ใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างตรงไปตรงมาในการดำเนินงานนี้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการทำงานเราจะต้องมีเป้าหมาย ขอประกาศเป้าหมายว่า หนี้นอกระบบจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเด็ดขาด ทั้งฝ่ายปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดหรือ KPI ที่เหมาะสมและกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยขอมอบหลักการกว้าง ๆ ดังนี้ จะต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่ “ง่ายเกินไป” จนไม่สามารถวัดผลอะไรได้ และไม่ “ยากเกินไป” จนเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกไม่อยากเริ่มทำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะต้องกำหนดระยะเวลาดำเนินการในการจับกุมเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด และระยะเวลาการทำสำนวนการสอบสวน ทางกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง ควรกำหนดสัดส่วนเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเรื่องที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมได้สำเร็จ กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน ทั้งในชั้นรับเรื่องร้องเรียนถึงการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และชั้นการทำสัญญาประนีประนอม ไว้ให้ชัด และไม่นานจนเกินไป โดยกรอบข้างต้นเป็นกรอบกว้าง ๆ ที่ผู้บริหารจะต้องช่วยกันนำไปย่อยเป็นเป้าเล็ก ๆ ให้เป็นความสำเร็จ เพื่อให้ปัญหาที่ระบบลดน้อยลงไป “เข้าใจว่าพวกท่านมีงานหลายด้าน หลายมิติ อยากให้รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตนด้วยการทำเพื่อประชาชน ทำงานรับรอง “นาย” แต่พอควร และรับใช้ประชาชนให้มากขึ้น และผมตระหนักดีครับว่า ภารกิจในครั้งนี้แม้จะเป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อย ในบางเหตุการณ์อาจจะมีความเสี่ยงภัย เกิดเหตุอันตรายขึ้นได้กับทั้งผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน แต่หากทุกท่านได้เข้าช่วยเหลือประชาชนแม้เพียงคน ๆ เดียว ให้เขาได้พ้นจากความทุกข์ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งญาติ ลูกหลานของเขา ให้หลุดพ้นจากพันธนาการหนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ได้ ท่านควรจะมีความสุขมาก ๆ นะครับ เป็น Change for Good สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มคืนอิสรภาพให้พี่น้องประชาชน นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะข้าราชการ ผู้บำบัดทุกข์บำรุงสุข และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ

ขณะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลซึ่งเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จึงขอขอบคุณทุกท่านในที่นี้ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศที่ได้มาร่วมประชุมและรับฟังนโยบายจากท่านนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ทำให้เห็นว่า หากเราสามารถรวมพลังของทุกส่วน ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจ นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ เพื่อให้ภารกิจในการ "สะสางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ" บรรลุผลสัมฤทธิ์ และตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะทำให้ปัญหาหนี้นอกระบบลดลงไปอย่างแน่นอน โดยวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นอันดีที่ทุกคนจะได้รับและสนองโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ

"การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบต้องเริ่มจากความเข้าใจถึงความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชนได้รับจากการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ รวมถึงวิธีการทวงถามหนี้ ติดตามหนี้ที่เป็นลักษณะของการละเมิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความสงบเรียบร้อยของสังคม ซึ่งทุกท่านคงเห็นแล้วว่าตั้งแต่มีการเปิดรับลงทะเบียนมา มีผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้ถูกข่มเหงและรังแก มีการพังร้าน ทำร้ายร่างกายในหลายจังหวัด หลายกรณี ซึ่งเจ้าหนี้คงคิดว่านี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม อย่างไรก็ตามนั่นคือการทำให้เกิดความมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขโดย "Law Enforcer (ผู้บังคับใช้กฎหมาย)" ที่อยู่ในที่แห่งนี้ จึงขอเน้นย้ำทุกท่านว่า "การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ" เราไม่ได้มองว่าลูกหนี้คือพระเอก หรือเจ้าหนี้เป็นผู้ร้าย แต่เรามองว่า "เจ้าหนี้ที่กดขี่ข่มเหง และลูกหนี้ที่เบี้ยวการชำระหนี้เป็นผู้ร้าย" จึงต้องมีการจัดระเบียบทั้งสองฝ่ายให้ถูกต้องเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนั้น ทุกท่านจึงต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือให้กับพี่น้องประชาชน โดยเริ่มจากใช้ "น้ำเย็น" หรือ "ไม้อ่อน" ด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจ หาเหตุผลในการทำให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการประนีประนอมร่วมกันให้ได้ หากสามารถตกลงกันได้ก็ไม่ต้องใช้กฎหมายบังคับ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้อาจจะต้องใช้กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทุกท่านมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายอยู่แล้ว" นายอนุทินฯ กล่าวในช่วงต้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานด้านการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสำคัญที่พวกเราทุกคนบูรณาการความสามารถร่วมกันในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและบ้านเมือง ตนมั่นใจว่าการทำงานร่วมกันจะทำให้เกิดพลังและความร่วมมืออย่างดีในการทำให้สังคมและประเทศของเราได้มีการพัฒนา เกิดความสงบสุข เกิดเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ลดความขัดแย้งของสังคมลง ซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงการคลังพร้อมที่จะบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาในทุกวิถีทางตามกฎหมาย ตลอดจนถึงให้การรับรองถึงความปลอดภัยของหนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชนถือว่าเป็นบุคคลที่มีเครดิตและมีสิทธิในการจะชำระหนี้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกเราทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

"เราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้จากภารกิจนี้คือ การลดการข่มเหง การรังแกพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ได้มุ่งมั่นตั้งใจและมีความแน่วแน่ในการปฏิบัติงาน หากพวกเราร่วมมือกันในการปฏิบัติจะเป็นคุณูปการมหาศาลต่อบ้านเมือง ขอให้ทุกท่านได้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตนขอให้คำยืนยันว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของทุกท่านอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จตามที่มุ่งมาดปรารถนาสูงสุดนั่นคือ "ความสงบสุขของพี่น้องประชาชน แก้ไขความขัดแย้งจากปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยกันทำให้สังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยได้มีความเข้มแข็งและมั่นคง" นายอนุทินฯ กล่าวในช่วงท้าย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ต้องทุกข์ยากกับการรับภาระที่ต้องชำระหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่จะสามารถรับผิดชอบได้ อันส่งผลกระทบถึงความมั่นคงของครอบครัว ความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้ประกาศให้ “ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ” และได้เป็นประธานในการ Kick off เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนอย่างจริงจัง อันจะปลดเปลื้องความทุกข์และสร้างความเข้มแข็งและความสุขให้กับพี่น้องคนไทยในระดับครอบครัวควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงผู้อำนวยการเขตของกรุงเทพมหานครได้บูรณาการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามอำนาจหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการเปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบใน 76 จังหวัด และพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 - 7 ธันวาคม 2566 มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนทั้งในระบบออนไลน์และด้วยตนเอง ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต เป็นจำนวนมากกว่า 80,000 ราย มีมูลหนี้สูงเกือบ 4,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะทำงานหนี้นอกระบบได้กำหนดไทม์ไลน์ไว้จะมีพี่น้องประชาชนมาลงทะเบียนจำนวนเกือบ 1 ล้านราย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า ในขณะนี้ คณะทำงานหนี้นอกระบบของกระทรวงมหาดไทยได้มีการทำงานลักษณะคู่ขนาน กล่าวคือ กระทรวงมหาดไทยทำการรับลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 - 31 มีนาคม 2567 โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 จะเป็นห้วงของการเชิญเจ้าหนี้นอกระบบมาพูดคุยเพื่อพิสูจน์ความจริง และดำเนินการเข้าสู่ขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย ซึ่งขณะนี้ก็มีในบางอำเภอได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยพบว่า ประสบความสำเร็จ และมีการตื่นตัวในการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและงดในเรื่องของการเก็บดอกเบี้ยอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ควบคู่กับอีกส่วนที่สำคัญ คือ กระทรวงการคลัง ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ธนาคารของรัฐเข้ามาเป็นเจ้าหนี้ที่ถูกกฎหมายแทนเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งในส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการที่จะประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบ แล้วเข้ามารับความช่วยเหลือต่อไป อันจะทำให้พี่น้องประชาชนได้รับการปลดเปลื้องความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนแสนสาหัสในฐานะลูกหนี้นอกระบบ โดยกระทรวงมหาดไทยจะผลักดันขับเคลื่อนให้ข้าราชการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทำให้สิ่งที่เป็นความตั้งใจของรัฐบาล คือ “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้พี่น้องประชาชนให้ประสบความสำเร็จ


ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น ตนอยากให้ทุกคนหลอมรวมหัวใจดวงเดียวกันในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากให้พ้นจากการเป็นทาสของหนี้นอกระบบ โดยมีเรื่องใหญ่ที่สำคัญ คือ เราจะทำอย่างไรให้ลูกหนี้นอกระบบมาแสดงตน มาให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นจริง เพื่อพิสูจน์ ตรวจสอบ กลั่นกรอง สกัดเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงออกมาให้เกิดความชัดเจนว่า หนี้นอกระบบที่มีอยู่มีมูลหนี้จำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้ทางกระทรวงการคลังได้มีข้อมูลที่เป็นจริงและสถาบันการเงินได้ให้ความช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบต่อไป ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีการสำรวจผ่านระบบ ThaiQM ในห้วงที่ผ่านมา พบว่ามีลูกหนี้นอกระบบประมาณ 260,000 กว่าราย ซึ่งได้ดำเนินแก้ไขไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือแก้ไขประนีประนอมอีก 23,000 กว่าราย แต่จากการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ 7 วันที่ผ่านมา ยังพบว่ามีลูกหนี้เข้ามาลงทะเบียนเป็นจำนวนมากถึงเกือบ 80,000 รายแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ ให้ประชาชน ผู้ได้รับความเดือดร้อนมาลงทะเบียนให้มากที่สุด

“ประการสำคัญ คือ ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือกันของฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ได้แบบ "สองเกลอหัวแข็ง" เช่น ความสำเร็จที่อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ที่สามารถจับกุมแก๊งทวงหนี้นอกระบบที่มาทำลายข้าวของภายในร้านส้มตำตามที่ปรากฏภาพข่าวตามสื่อออนไลน์ได้ แต่หากเราจะมองถึงเรื่องความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระยาว คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความมั่นคงและความสุขอย่างยั่งยืนด้วยการน้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนเป็นวิถีชีวิต เพราะหากดูจากสถิติของผู้มาลงทะเบียนจะเห็นได้ว่า พื้นที่ที่มีสถิติหนี้นอกระบบสูงมากส่วนใหญ่เป็นเมืองใหญ่ อาทิ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น ขณะที่จังหวัดเล็ก ๆ มีผู้ลงทะเบียนน้อย แสดงให้เห็นได้ว่าในจังหวัดเล็ก ๆ เหล่านั้น ผู้เป็นหนี้มีจำนวนน้อย เพราะมิได้อยู่ในเมืองใหญ่ และในพื้นที่จังหวัดเล็ก ประชาชนส่วนใหญ่ยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ทำให้ไม่เป็นหนี้สิน ทั้งการน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” สร้างความมั่นคงทางอาหาร มีผักสวนครัว พืชสมุนไพรที่เป็นผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน มีการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ในบริเวณพื้นที่ว่างโดยรอบบ้านเรือน หรือพื้นที่นอกบ้าน ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องเบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เป็นหนี้เป็นสิน พอมี พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น และในหลายพื้นที่ยังมีเหลือแบ่งปันจุนเจือทำบุญสุนทานอีกด้วย จึงขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ตลอดจนผู้บังคับการตำรวจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจ และทุกหน่วยงาน ได้ร่วมกันบูรณาการในการหนุนเสริมทำให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน สร้างการรับรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมให้เกิดการน้อมนำแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นรูปธรรมในทุกพื้นที่ ส่งเสริมให้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการที่จะทำมาหากิน ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ช่วยไปกระตุ้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้คนปลูกผักสวนครัว สวมใส่ผ้าไทย เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เพื่อเป็นอาหารประจำครัวเรือน และรวมกลุ่มในการที่จะแปรรูปผลผลิต ทำการตลาดต่อยอด สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำคู่ขนานไป และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมแรงร่วมใจในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบให้พ้นจากความเป็นทาสยุคใหม่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย .

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และพร้อมที่จะบูรณาการเชิงรุกร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในทุกมิติอย่างครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เป็นตัวการในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ และการจัดให้มีสินเชื่อในระบบ เพื่อให้ประชาชนได้หลุดพ้นวงจรการมีหนี้สินล้นพ้นตัว ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงการคลังมีระบบการให้ใบอนุญาตปล่อยสินเชื่อในระบบตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นช่องทางให้กับเจ้าหนี้นอกระบบที่อยากจะเข้าสู่ระบบ โดยสามารถมาขออนุญาตได้ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันเรามีการอนุญาต ขึ้นทะเบียนกว่า 1,232 ราย จึงขอฝากไปยังทุกหน่วยงานให้ดำเนินการกับคนที่ไม่สมัครใจในการไกล่เกลี่ย ขอให้พวกเราบูรณาการการทำงานกันอย่างเข้มแข็ง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีโทษตามกฎหมาย นอกจากนี้การทวงถามหนี้อย่างไม่เป็นธรรม มีการข่มขู่คุกคาม ก็จะมีโทษทางอาญาตามกฎหมาย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเป็นการบูรณาการกันอย่างจริงจัง และร่วมมือกันก็จะเกิดผลสำเร็จ.

พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยที่รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามหรือการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการประชุมมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัด ตั้งแต่กองบัญชาการ กองบังคับการ และหัวหน้าสถานีตำรวจ ทั้ง 1,484 สถานีทั่วประเทศ ซึ่งได้มีการสั่งการระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบเชิงบูรณาการ และมีการเตรียมการเพื่อปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ 1) การบริการด้านข้อมูลรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบ ทางสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ 2) การบังคับใช้กฎหมายหลังจากที่ได้รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ในระบบจากช่องทางต่าง ๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาร่วมวิเคราะห์กับฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จากระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปสู่การคัดแยกประเภทเจ้าหนี้ จัดลำดับความสำคัญ และพิสูจน์ทราบการกระทำความผิด จากนั้นจะส่งเบาะแสข้อมูลผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ให้แก่สถานีตำรวจทั่วประเทศเพื่อจับกุมและดำเนินคดี 3) การไกล่เกลี่ยเชิงบูรณาการ ด้วยการลงพื้นที่ติดตามช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกระดับปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และไม่ให้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนร่วมทั้งทางตรงทางอ้อมกับผู้กระทำความผิด พร้อมที่จะร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง

ดาวน์โหลด (1).png

เพื่อให้ทุกท่านสามารถติดตามประเด็นวิเคราะห์เจาะลึกผ่านทาง CLOSE-UP THAILAND เชิญเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @closeupthailand

bottom of page